วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555

ประวัติสามก๊ก ประวัติลิบอง จื่อหมิง

ประวัติสามก๊ก ประวัติลิบอง จื่อหมิง

ซุนกวนซึ่งเป็นผู้นำของง่อก๊กอาณาจักรหนึ่งในยุคสามก๊กนั้น ถ้าเทียบกับเล่าปี่และโจโฉซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งอีกสองก๊กที่เหลือแล้ว คนอ่านสามก๊กมักจะให้ความสำคัญเขาน้อยกว่า

อาจเพราะเขาต่างจากเล่าปี่และโจโฉตรงที่ไม่ได้เป็นผู้บุกเบิกก่อสร้างก๊กขึ้นมาด้วยตนเอง แต่รับช่วงมาจากพ่อและพี่ชาย คนอ่านบางคนจึงอาจจะเห็นว่าเขาไม่ได้มีความสามารถอะไรมากมาย

แต่อันที่จริงแล้วซุนกวนคนนี้ถือได้ว่าเป็นนักบริหารคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งในยุคนั้น

เพราะเขามีความสามารถที่จะสร้างหรือผลักดันคนเก่งมีฝีมือให้ขึ้นมาทำงานใหญ่ได้ไม่ขาดสาย ความสามารถตรงนี้ต้องถือว่าเขามีมากกว่าเล่าปี่ และพอๆกันกับโจโฉเลยทีเดียว

หลังจากจิวยี่และโลซก ผู้เปี่ยมด้วยความสามารถของง่อก๊กตายไป ขุนนางของง่อก๊กต่างก็วิตกกังวลว่าผู้ใดจะก้าวขึ้นมารับตำแหน่งผู้นำกองทัพแทน และลิบองก็คือคำตอบที่ว่า

และซุนกวนก็เลือกไม่ผิด เพราะในภายหลัง ลิบองก็คือผู้ที่ทำให้ซุนกวนสมปรารถนาในสิ่งที่จิวยี่และโลซกต่างทำไม่สำเร็จ นั่นคือการยึดครองเกงจิ๋ว นอกจากนี้ ลิบองยังได้สร้างผลงานสะเทือนแผ่นดินด้วยการพิชิตนักรบที่แกร่งกล้าที่สุดในเวลานั้นอย่างกวนอู


ประวัติโดยย่อ

ลิบองหรือลู่เหมง ชื่อรองคือจื่อหมิง เกิดในปีค.ศ.178 เป็นชาวเมืองยีหลำ เขาเติบโตมาในครอบครัวที่ยากจน ชีวิตในวัยเด็กนั้นว่ากันว่าลำบากมาก ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในคนที่ได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นไปทั่วแผ่นดินตอนนั้นจากโจรโพกผ้าเหลือง

ครอบครัวของเขาอพยพลงมาทางภาคกลาง และก็เพื่อปากท้อง ลิบองซึ่งเริ่มย่างเข้าวัยรุ่นจึงมาสมัครเป็นทหาร โดยเข้ามาอยู่ในกองทัพของซุนเซ็ก ซึ่งเริ่มที่จะก่อร่างสร้างตัวขึ้น

ลิบองนั้นเข้ามาอยู่ในสังกัดของ เต็งต้าง ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่เขยของเขา และเข้าร่วมในการปราบปรามเผ่าซานเยี่ยทางตอนใต้บ่อยครั้ง ภายหลังเขาผิดใจกับนายทหารในสังกัดเดียวกัน เพราะพวกเขามักดูถูกที่ลิบองยากจนและไร้การศึกษา ลิบองเผลอฆ่านายทหารคนนั้น จึงหนีไป ภายหลัง เขาไปเข้าอยู่ในสังกัดของ อ้วนหยง ซึ่งอ้วนหยงนั้นพอใจในความห้าวหาญของลิบอง จึงแนะนำเขาต่อซุนเซ็ก และซุนเซ็กก็ถูกใจในตัวลิบอง จึงตั้งให้เป็นนายกอง

ภายหลังเมื่อซุนเซ็กเสียชีวิตลง มีการจัดระบบกองทัพใหม่ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่เต็งต้างพี่เขยของลิบองเสียชีวิต ลิบองจึงได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้ดูแลกองทหารของเต็งต้างแทน และได้แสดงความสามารถจนเป็นที่พอใจต่อซุนกวนมาก จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายทหารยศสูงขึ้น และได้สร้างผลงานในการปราบปรามหองจอเป็นอันมาก ซุนกวนจึงแต่งตั้งให้เขาเป็นแม่ทัพ

แต่ลิบองก็ยังไม่ได้รับความสำคัญมากนัก เพราะเขาเป็นคนที่มีการศึกษาน้อยเนื่องจากความยากจนในวัยเด็ก แต่ซุนกวนนั้นเล็งเห็นความสามารถของลิบอง จึงให้การสนับสนุนเขาในการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม โดยซุนกวนเคยเรียกตัวลิบองมาพบและแนะนำในเรื่องนี้ ลิบองตอบว่าเขาไม่มีเวลามากพอจะทำเช่นนั้น เพราะยุ่งอยู่กับการศึกสงคราม

ซุนกวนจึงแย้งว่าไม่ได้ต้องการให้ลิบองศึกษาเพื่อจะเป็นบัณฑิต แต่ให้ศึกษาผลลัพธ์ทางประวัติศาสตร์เพื่อนำมาปรับใช้ในการศึก รวมไปถึงกลยุทธ์ต่างๆในพิชัยสงคราม เพราะสามารถใช้ในการศึกจริงได้ และเป็นการพัฒนาตนเองด้วย ลิบองยอมรับมาทำตาม และในเวลาไม่กี่ปี เขาก็กลายเป็นยอดแม่ทัพผู้แตกฉานในการศึกผู้หนึ่ง และได้รับการยอมรับจากบรรดาขุนพลด้วยกันอย่างมาก

เมื่อเริ่มได้รับการยอมรับจากเหล่าขุนพลด้วยกันเองมากขึ้นแล้ว ลิบองก็กลายเป็นแม่ทัพคนสำคัญของง่อก๊ก และติดทำเนียบชื่อขุนพลแห่งยุคนั้น ในการศึกเกงจิ๋ว เขาได้สร้างผลงานการศึกไว้ไม่น้อย เป็นที่พอใจแก่จิวยี่ แม่ทัพใหญ่อย่างยิ่ง

ภายหลังเมื่อจิวยี่เสียชีวิต โลซกก้าวขึ้นมารับตำแหน่ง โลซกนั้นเคยมองลิบองไม่ค่อยขึ้น เพราะเห็นว่าลิบองดีแต่ใช้กำลัง ไร้แผนอุบาย แต่ภายหลังเมื่อได้สนทนาการศึกและสถานการณ์ของบ้านเมืองโดยรวมกับลิบองแล้ว โลซกก็เปลี่ยนความคิด และกล่าวว่าลิบองคนเก่าได้ตายไปแล้ว บัดนี้มีเพียงลิบองผู้เป็นแม่ทัพแห่งง่อเท่านั้น

จากนั้นเมื่อโลซกป่วยหนักและเสียชีวิตลงในปีค.ศ.217 ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารก็ว่างลง ซุนกวนจึงตัดสินใจตั้งลิบองขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ (ต้าซือหม่า) ดูแลกองทัพทั้งหมด และรับภาระในการจัดการกับศัตรูภายนอกด้วยอายุเพียง 39 ปี

เวลานั้นซุนกวนกำลังมีเรื่องผิดใจกับกวนอูขุนพลเอกของเล่าปี่ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลเมืองเกงจิ๋วอันเป็นเมืองยุทธศาสตร์สำคัญที่มีอาณาเขตติดกับง่อก๊ก

เรื่องคือ ซุนกวนต้องการจะผูกสัมพันธไมตรีกับกวนอู จึงส่งจูกัดจิ๋นพี่ชายของขงเบ้งมาเป็นทูตและบอกว่าจะขอลูกสาวของกวนอูมาเป็นสะใภ้ แต่กวนอูกลับด่าว่าจูกัดจิ๋นอย่างเสียหายและลามไปถึงซุนกวนด้วย จากนั้นจึงขับไล่ไป ซุนกวนนั้นจึงรู้สึกเจ็บใจต่อการกระทำของกวนอูนี้มากและตั้งใจจะแก้แค้นให้ได้

เวลานั้นโลซกตายไปแล้ว คนที่จะช่วยสานสัมพันธ์พันธมิตรเล่า-ซุนจึงไม่มีอีก

ลิบองได้รับคำสั่งให้มาประจำกองทัพอยู่ที่เมืองลกเค้า ซึ่งอยู่ติดกันกับเกงจิ๋วของกวนอู และคงจะได้รับคำสั่งจากซุนกวนมาว่าให้พร้อมที่จะเล่นงานกวนอูหากมีโอกาส แต่ลิบองรู้ดีว่าไม่ควรปะทะตรงๆ ดังนั้นเขาจึงใช้มาตรการยอมอ่อนน้อมต่อกวนอูให้การคารวะยกย่องกวนอู จนกวนอูตายใจ ทั้งนี้เพราะลิบองมองออกว่ากวนอูแม้จะชำนาญการศึกเก่งในพิชัยยุทธ แต่ก็เป็นคนที่เย่อหยิ่งทระนงในฝีมือของตน ขอเพียงยอมอ่อนน้อมให้ก็สามารถที่จะลวงกวนอูได้

ปีค.ศ.219 เดือน 8 โจโฉสั่งให้หยินยกทัพเข้าตีเกงจิ๋ว กวนอูจึงวางแผนด้วยการไขน้ำท่วมทำลายทัพของโจหยินยับเยิน จากนั้นจับเป็นอิกิ๋มที่ยกทัพมาช่วยและสังหารบังเต๊กนายทหารเอกของโจโฉตาย ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วแผ่นดิน กวนอูจึงตัดสินใจใช้ความฮึกเหิมนี้เป็นพลังในการยกทัพบุกขึ้นเหนือต่อ เพื่อตีเมืองอ้วนเสีย ซึ่งหากทำได้สำเร็จก็จะสามารถประชิดเมืองฮูโต๋ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของโจโฉได้

แต่ในชั้นแรกกวนอูก็ยังไม่กล้าที่จะยกทัพไปมากนัก เพราะยังระแวงลิบองซึ่งตั้งมั่นอยู่ที่เมืองลกเค้าว่าจะตลบหลัง ลิบองเองก็รู้ว่ากวนอูยังระแวงตนอยู่ จึงคิดวางแผนที่จะตลบหลังกวนอู

ลิบองปล่อยข่างลวงไปทั่วว่าตนป่วยหนัก และเพื่อความสมจริงจึงเดินทางกลับไปที่เมืองเกี๋ยนเงียบเพื่อเข้าพบซุนกวน และปรึกษาถึงอุบายนี้ โดยตอนแรกซุนกวนคิดจะยกทัพขึ้นตีหับป๋าและชีจิ๋ว แต่ลิบองคิดว่าแม้ชีจิ๋วจะยึดได้ง่าย แต่รักษาได้ยาก ไม่คุ้มค่าที่จะบุกยึด ถึงแม้จะยึดได้แต่เชื่อว่าไม่นานก็ต้องเสียคืนแก่โจโฉอยู่ดี การศึกทางหัวป๋าทั้งสองครั้งที่ผ่านมาก็หนักหน่วงยิ่งนัก ทั้งกับฝ่ายซุนกวนและโจโฉเอง ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือขยายอิทธิพลไปทางตะวันตก เข้ายึดเกงจิ๋วเพื่อใช้เป็นรากฐานสำหรับการบุกขึ้นเหนือ หรือแม้ว่าจะไม่สามารถรุกจากเกงจิ๋วไปได้ ก็ยังพอจะใช้เป็นกันชนทั้งจากโจโฉและเล่าปี่ได้ ด้วยเล่าปี่นั้นสามารถยึดครองเสฉวนและเอ๊กจิ๋วได้ทั้งหมดแล้ว ในอนาคตไม่มีอะไรรับประกันเลยว่าเล่าปี่จะไม่ฉีกสัญญาพันธมิตรและเข้าตีกังหนำ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น ง่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน

ดังนั้นในขณะที่กวนอูยกทัพขึ้นเหนือ มันจึงเป็นโอกาสทองแล้วที่จะเข้ายึดเกงจิ๋วมา แล้วขอยืมตัวลกซุนซึ่งยังเป็นนายทหารที่ไม่มีชื่อเสียงมารับหน้าที่ดูแลลกเค้าแทนตน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในแผนการนี้

ลิบองรู้ดีว่ากวนอูนั้นหยิ่งทระนงตน แต่กระนั้นเขาก็ไม่ประมาทต่อขุนพลที่เก่งกาจและมีชื่อเสียง ดังนั้นตัวแปรสำคัญคือลกซุนผู้ยังเป็นเพียงบัณฑิตหนุ่มไร้ชื่อ ลิบองวางแผนร่วมกับลกซุน โดยลกซุนทำการเขียนจดหมายไปหากวนอูซึ่งมีข้อความในเชิงยกยอปอปั้นกวนอูว่าเก่งกาจไร้เทียมทาน และขอซูฮกเพื่อให้กวนอูที่คิดจะยกทัพขึ้นเหนือต่อนั้นคลายความระแวง เพราะผู้ที่กวนอูระแวงระวังอย่างจริงจังนั้นก็คือตัวลิบองเอง

เมื่อตอนที่กวนอูเข้าตีเมืองอ้วนเสียซึ่งโจหยินพยายามต้านทานอย่างสุดกำลัง และจับอิกิ๋ม สังหารบังเต๊กได้นั้น เขาได้เชลยศึกมาเป็นจำนวนมาก ทำให้เสบียงอาหารที่เตรียมมาร่อยหรอเกินกว่าที่คาด กวนอูจึงใช้เป็นข้ออ้างเข้ายึดคลังเสบียงของซุนกวนที่เซียงกวน ทำให้ซุนกวนไม่พอใจมาก และถือโอกาสนี้หักกับกวนอูทันที

ลิบองรับคำสั่งเป็นทัพหน้า แต่กวนอูไม่ทราบเรื่องนี้เพราะยังคิดว่าลิบองป่วยหนักอยู่ และได้อาศัยการปลมอตัวเป็นพ่อค้าเข้าแทรกซึมมาในเขตเกงจิ๋ว สามารถลอบเข้ายึดหอสังเกตการณ์ที่กวนอูตระเตรียมไว้ได้ทั้งหมด

ในตอนนั้น ผู้ดูแลรักษาเกงจิ๋วแทนก็คือบิฮองและเปาสูหยิน แต่คนทั้งสองผิดใจกับกวนอูอยู่ก่อน เพราะเคยถูกกวนอูลงโทษมาก่อน และเมื่อทั้งสองรับหน้าที่ดูแลแนวหลังและการส่งเสบียง ทั้งสองก็กระทำล่าช้าจนกวนอูส่งจดหมายมาต่อว่าอย่างแรง

ลิบองอาศัยข้อนี้ ทำการเกลี้ยกล่อมเปาสูหยินก่อน เมื่อสำเร็จแล้วก็พาเปาสูหยินไปหน้าเมืองกังเหลง ทำให้บิฮองผู้เฝ้าเมืองยอมจำนนตามในทันที

เมื่อเข้าเมืองได้แล้ว ลิบองก็ทำการเกลี้ยกล่อมชาวเมืองให้อยู่ในความสงบ และทำการซื้อใจผู้คนในกังเหลง ด้วยการสั่งทหารของตนให้อยู่ในวินัยอย่างเข้มงวด ใครหยิบฉวยหรือปล้นข้าวของชาวเมืองจะถูกลงโทษอย่างหนัก บรรดาทหารของกวนอูเองก็ได้รับการดูแลอย่างดี รวมไปถึงครอบครัวของทหารที่กวนอูนำออกไปทำศึก ด้วยเหตุนี้บรรดาทหารและชาวเมืองจึงยอมโอนอ่อนตามลิบอง

กวนอูรับทราบเรื่องที่เกิดขึ้น จึงถอยทัพกลับอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้การเข้าตีเมืองอ้วนเสียก็ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงเพราะซิหลงซึ่งเป็นทัพหนุนยกมาช่วยสลายวงล้อมเมืองอ้วนเสียได้ และตีทัพกวนอูจนแตกพ่าย เสียทหารไปจำนวนมาก

เพียงเท่านี้กวนอูก็จะไม่มีที่ให้รุกหรือถอย เพราะต้องตกอยู่หว่างกลางทัพของลิบองและโจโฉ

กวนอูส่งคนนำสารเข้าไปถามสถานการณ์ในเกงจิ๋ว ลิบองรับรองคนนำสารอย่างดี และนำบรรดาคนนำสารไปรอบเมือง เพื่อให้รู้ว่าครอบครัวของพวกทหารต่างอยู่กันอย่างสบายและปลอดภัยดี เมื่อคนนำสารกลับไปที่ทัพของกวนอู ก็บอกเรื่องนี้ต่อเหล่าทหารด้วยกันในกองทัพ เมื่อบรรดาทหารของกวนอูพบว่าครอวครัวของตนปลอดภัยและอยู่กันอย่างสงบยิ่งกว่าช่วงเวลาปกติ พวกเขาจึงหมดกำลังใจสู้รบและพากันหนีทัพเข้าไปในเมืองเกงจิ๋วกันมากมาย ทำให้กองทัพของกวนอูเหลือทหารน้อยลงยิ่งกว่าเดิมอีก

กวนอูตัดสินใจหนีเข้าไปที่เขตแดนเสฉวน โดยผ่านเมืองเป๊กเต้เสีย แต่ทหารของเขาก็เหลือน้อยมาก กล่าวกันว่าทหารของกวนอูนั้นเหลือเพียงไม่ถึงร้อยนายด้วยซ้ำ และซุนกวนก็ส่งจูหวนและพัวเจี้ยงไล่ติดตามจนสามารถจับตัวกวนอูได้

ซุนกวนคิดจะเกลี้ยกล่อมให้กวนอูสวามิภักดิ์ แต่กวนอูปฏิเสธจึงถูกประหาร

ซุนกวนนั้นยกย่องลิบองมาก โดยภายหลังจากนี้เขาได้พูดกับลกซุนว่า ลิบองนั้นนับว่ามีผลงานที่เหนือยิ่งกว่าจิวยี่และโลซกเสียอีก ที่สามารถสร้างผลงานยึดเอาเกงจิ๋วที่ตระกูลซุนหมายปองมานานได้สำเร็จ ในขณะที่สองคนแรกยังไม่อาจทำได้

ซุนกวนประทานรางวัลมากมายให้ลิบอง แต่เขาไม่ยอมรับ จากนั้นไม่นานอาการป่วยของเขาก็กำเริบหนัก ซุนกวนร้อนใจมาก พยายามหาหมอมารักษามากมาย แต่ก็ไม่เป็นผล และเสียชีวิตลงด้วยอายุ 42 ปี ในฉบับนิยายนั้นบอกว่าลิบองถูกผีกวนอูเข้าสิงจนตาย ซึ่งถ้าจะบอกว่าเป็นสิ่งที่ถูกแต่งเติ่มมาในตอนหลังเพื่อช่วยแก้แค้นให้กวนอูก็คงไม่ผิด

ผลงานของลิบองในการจัดการกวนอูครั้งนี้เป็นจุดเริ่มของการแตกหักกันระหว่างเล่าปี่และซุนกวน และยังเป็นจุดเริ่มของการเสื่อมของจ๊กก๊กอันจะส่งผลกระทบมายังง่อก๊กด้วยในภายหลัง

มีนักวิจารณ์บางคนบอกว่าลิบองมุ่งแต่จะสร้างชื่อมากเกินไป จึงละเลยความสำคัญของการเป็นพันธมิตรระหว่างเล่า-ซุน และวางแผนจัดการกับกวนอู ซึ่งนั่นเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะหากว่าลิบองปล่อยให้กวนอูยกทัพเข้าตีเมืองอ้วนเสียสำเร็จ จากนั้นจึงนำทัพช่วยกวนอูเข้าตีเมืองฮูโต๋ บางทีไม่แน่ว่าก๊กวุยของโจโฉอาจจะถึงกับต้องพ่ายแพ้เลยก็ได้ แล้วจากนั้นเล่าปี่กับซุนกวนค่อยแบ่งแยกอำนาจการปกครองกันเอง

แต่ลิบองนั้นขาดวิสัยทัศน์ ไม่ได้มองไกลแบบนั้น จึงตัดสินใจเปิดศึกกับกวนอูแทน

แต่การที่ลิบองสามารถเอาเกงจิ๋วมาจากกวนอูได้นั้น ก็ถือเป็นประโยชน์มหาศาลต่อง่อก๊กในภายหลัง และเป็นผลงานในแบบที่เป็นรูปธรรม ด้วยเหตุนี้เองซุนกวนจึงให้ความยกย่องลิบองมากจนถึงกับเอ่ยปากว่าลิบองเหนือกว่าทั้งจิวยี่และโลซก

แต่หากมองในแง่คุณธรรมแล้ว ถือว่าลิบองผิดตรงจุดนี้ เพราะขณะนั้นจ๊กก๊กและง่อเป็นพันธมิตรกันและยังไม่ได้ประกาศตัวเป็นศัตรู แต่ลิบองกลับทำการหักหลังพันธมิตร แม้ว่าการศึกจะเป็นเรื่องของการไม่เกี่ยงวิธีที่ใช้ แต่การกระทำเช่นการหักหลังต่อพันธมิตรเช่นนี้ นับว่าไม่ถูกต้อง แต่ถึงกระนั้น หากจะว่ากันตามตรง พันธมิตรเล่า-ซุนก็คงต้องแตกหักกันอยู่ดี และความสัมพันธ์ในเวลานั้นก็ค่อนข้างจะหนักไปในทางเลวร้าย ลิบองคงเล็งเห็นแล้วว่าในเมื่อมันจะหัก ก็ขอให้หักโดยที่ง่อสามารถเก็บเกี่ยวประโยชน์ได้

ทายาทของลิบองชื่อลิปาได้สืบทอดตระกูลแทน โดยซุนกวนได้มอบตำแหน่งขุนนางและประทานทรัพย์สินให้ ส่วนชื่อของลิบองก็ได้รับการยกย่องในฐานะแม่ทัพผู้ไต่เต้าตนเองจากคนหยาบจนขึ้นมาเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งง่อก๊ก ผู้สามารถพิชิตกวนอูลงได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น