วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555

ประวัติสามก๊ก ประวัติกวนอู หยุนฉาง

กวนอู หยุนฉาง สามก๊ก
สามก๊ก กวนอู
ประวัติสามก๊ก ประวัติกวนอู หยุนฉาง

เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์...พูดแล้วเชื่อว่าคนที่อ่านสามก๊กทุกคนต้องรู้ว่าหมายถึงใคร

ชายผู้นี้มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นไม่เหมือนใคร หน้าที่แดงฉาน เคราที่ยาวถึงเอว รูปร่างอันสูงใหญ่ พละกำลังอันมหาศาลราวกับคนพันคน และคุณธรรมประจำตัวที่พร้อมจะต่อกรกับชนชั้นอำนาจ ทั้งหมดนี้น่าจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงพี่น้องร่วมสาบานของเล่าปี่ นามว่ากวนอู หยุนฉางได้เป็นอย่างดี

กวนอูจัดเป็นตัวละครที่พิเศษหนึ่งเดียวในสามก๊ก ที่ถูกเรียกด้วยคำว่า "กง" ต่อท้ายชื่อเป็น "กวนกง" อันเป็นเกียรติสูงสุดที่คนธรรมดาได้รับ เพราะการใช้คำว่ากงต่อท้ายนั่น ทางวงการวรรณกรรมจีนจะถือว่าเป็นการยกย่องว่าคนผู้นั้นว่ามีระดับเท่าเทียมกับเทพเจ้า

ทำไมเขาถึงได้กลายเป็นเทพ นั่นเพราะว่าเขาได้รับการยกย่องว่ามีความซื่อสัตย์มากที่สุดในเรื่องสามก๊ก ซึ่งความซื่อสัตย์นี่คนจีนถือว่าเป็นคุณธรรมขั้นสงสุด

แต่ก็มีคนถามกลับมามากทีเดียวว่า ในเรื่องสามก๊กนี้ก็มีคนตั้งมากมายที่แสดงให้เห็นว่ามีความซื่อสัตย์ภักดี ชนิดยอมถวายชีวิตได้ แล้วทำไมพวกเขาเหล่านั้นถึงไม่ถูกยกให้เป็นเทพเจ้าบ้าง

ทำไมจึงเป็นกวนอูเพียงผู้เดียวที่ถูกยกย่องขนาดนั้น ในหนังสือสามก๊กนั้นมีการกล่าววิจารณ์ผู้คนมากมายไม่ว่าจะเล่าปี่ โจโฉ ขงเบ้ง แต่ทำไมมีเฉพาะกวนอูที่ดูเหมือนจะเป็นคนเดียวที่ไม่มีรอยด่างพร้อย มีแต่การเชิดชูอย่างยิ่งใหญ่ แม้แต่ในหนังสือสามก๊กฉบับวิจารณ์ที่แปลและเรียบเรียงโดยคุณวิวัฒน์ ประชาเรืองวิทย์ ซึ่งเป็นหนังสือปกแข็งสีแดง 4 เล่มใหญ่ ที่มีรายละเอียดต่างในเรื่องมากที่สุดพร้อมคำวิจารณ์อันแสนจะละเอียดยิบนั้น ในส่วนที่เป็นคำวิจารณ์จากผู้รู้ของทางฝั่งคนจีน เท่าที่ผมอ่านมา ท่านมีการวิจารณ์ถึงด้านดีด้านแย่ของตัวละครทุกตัว แม้ว่าจะค่อนข้างเข้าข้างฝ่ายเล่าปี่อยู่มาก แต่ก็ยังมีวิพากษ์อยู่ไม่น้อย ยกเว้นเพียงคนเดียวที่เขาไม่เคยพูดในทางเสียหายนั่นคือกวนอู

คิดว่าคนจีนเองคงจะลืมไปแล้วว่ากวนอูเองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีข้อดีข้อเสียและข้อผิดพลาดได้ หากแต่เพราะความเชื่อและจิตสำนึกในความเป็นเทพเจ้าของกวนอูนั้นมันฝังแน่นลึกในความคิดของคนจีนจนยากจะเปลี่ยนแปลงได้

แต่หากมองจากมุมของคนในประเทศอื่น ภาพลักษณ์ของกวนอูถือว่าเปลี่ยนไป โดยเฉพาะในหมู่คนที่ศึกษาสามก๊กอย่างจริงจัง เช่นในไทย ญี่ปุ่น และฮ่องกง

และต่อจากนี้คือเรื่องราวของนักรบผู้หนึ่งที่กลายเป็นเทพเจ้า


ประวัติโดยย่อ

กวนอู ชื่อรองว่าหยุนฉาง เป็นชาวตำบลเจยเหลียง เมืองเหอตง รูปร่างสูงใหญ่ถึง 9 ฟุต หนวดเครายาวถึง 2 ฟุต ใบหน้าสีแดงชาด ดวงตาเหมือนดังหงส์ ด้วยรูปร่างหน้าตาอันโดดเด่นเช่นนี้ จึงเป็นตัวละครที่มีผู้จดจำได้มากที่สุดในสามก๊ก

ประวัติในวัยเด็กของกวนอูมีน้อยมาก เรียกว่าไม่มีเลยก็ได้ เฉินโซ่วรวมถึงหลอก้วนจงเองก็เพียงบันทึกว่า สมัยหนุ่มๆเขาได้ฆ่าผู้มีอิทธิพลที่บ้านเดิมตาย จึงต้องหนีมาและเปลี่ยนชื่อแซ่เพื่อหลบการจับกุม ดังนั้นชื่อกวนอูนี้จึงเป็นชื่อที่เขาตั้งขึ้นในภายหลัง โดยมีเกร็ดเล่าว่าเมื่อตอนที่กวนอูกำลังจะเดินทางเข้าเมือง นายด่านได้ถามว่าเขาชื่ออะไร เผอิญเขาเหลือบไปเห็นประตูด่านชื่อว่ากวน จึงบอกต่อนายด่านว่าตนชื่อกวนอู

กวนอูเป็นผู้ที่มีพละกำลังมหาศาล มีความเชี่ยวชาญในเพลงอาวุธ โดยเฉพาะง้าว เขายังชอบศึกษาประวัติศาสตร์สมัยชุนชิวเป็นพิเศษ เล่าว่ายามว่างก็มักจะหยิบเอาตำราที่บันทึกเรื่องราวในยุคชุนชิวขึ้นมาอ่านเสมอๆ

หนังสือสามก๊กพูดึงกวนอูเป็นครั้งแรกเมื่อตอนที่เล่าปี่และเตียวหุยพากันมากินเหล้าในร้านอาหารแห่งหนึ่ง แล้วกวนอูซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะข้างได้ร้องตะโกนสั่งอาหารว่า "รีบนำสุราอาหารมา เสร็จแล้วเราจะไปอาสาแผ่นดิน" ตีความง่ายๆว่ากินเสร็จแล้วข้าจะไปรบ

เล่าปี่รู้สึกสะดุดตาในรูปร่างท่าทางและบุคลิกอันองอาจของกวนอูจึงชวนมาร่วมโต๊ะด้วย และเมื่อทั้งสามคุยกันถูกคอและมีอุดมการณ์เดียวกัน จึงได้สาบานเป็นพี่น้องนับแต่นั้น ซึ่งฉากการสาบานที่สวนท้อนี้ถือเป็นไฮไลท์สำคัญครั้งแรกในเรื่องสามก๊กเลยก็ว่าได้

ตอนนั้นแผ่นดินกำลังลุกเป็นไฟเพราะการลุกฮือของโจรผ้าเหลือง เล่าปี่จึงคิดจะไปสมัครเป็นทหารอาสาเพื่อราบโจร กวนอูกับเตียวหุยจึงร่วมด้วย ซึ่งการนี้มีชาวบ้านมาขอเข้าร่วมกับเล่าปี่เป็นจำนวนถึง 500 คน และมีชาวบ้านบริจาคเหล็กกล้าเพื่อทำเป็นอาวุธ ซึ่งเมื่อนำมาตีแล้วก็ได้เป็นง้าวมังกรเขียวอันเป็นอาวุธประจำตัวของกวนอูนับแต่นั้น

กองทหารอาสาทำการปราบพวกโจรผ้าเหลืองอย่างได้ผล เมื่อเสร็จศึก เล่าปี่ก็ได้รับแต่งตั้งจากส่วนกลางให้ไปเป็นนายอำเภอ โดยกวนอูกับเตียวหุยได้ติดตามไปด้วย แต่ไม่นานก็ลาออกมาเพราะเล่าปี่ไปผิดใจกับผู้ตรวจการที่มาตรวจราชการแล้วขอสินบน สามพี่น้องจึงพากันไปอยู่กับกองซุนจ้านซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเรียนของเล่าปี่ ซึ่งเป็นแม่ทัพรักษาเมืองปักเป๋งทางตอนเหนือ เขาจึงตั้งให้เล่าปี่ไปเป็นนายอำเภอเมืองผิงหยวนแทน

ต่อมาเกิดเหตุตั๋งโต๊ะก่อรัฐประหารขึ้น เหล่าแม่ทัพ 18 หัวเมืองรวมตัวกันตั้งทัพพันธมิตรเพื่อล้มทรราชย์ กองซุนจ้านก็เข้าร่วมด้วย ส่วนเล่าปี่ได้เป็นนายทัพคุมทหารจำนวนหนึ่ง โดยกวนอูรับตำแหน่งนายทหารม้ามือธนู ซึ่งเป็นเพียงตำแหน่งของทหารเลว

แต่ในศึกครั้งนี้กลายเป็นศึกที่สร้างชื่อให้สามพี่น้อง เมื่อฮัวหยงขุนพลมือซ้ายของตั๋งโต๊ะออกประจันหน้าและท้าดวลชนะเหล่านักรบชื่อดังของฝ่ายทัพพันธมิตรได้คนแล้วคนเล่า กวนอูจึงขันอาสาออกศึก ท่ามกลางการดูถูกของเหล่าขุนศึก โดยมีเพียงโจโฉที่เป็นเลขาธิการกองทัพ ออกมามอบสุราให้ ซึ่งกวนอูก็ว่าให้อุ่นคอยท่าไว้ ตัวเขาไปรบเสร็จแล้วจะกลับมาดื่ม ซึ่งปรากฏว่ากวนอูสามารถเอาชัยและเด็ดศีรษะของฮัวหยงมาได้ในกระบวนท่าเดียวและกลับมาโดยที่สุรายังอุ่นอยู่ นั่นทำให้ชื่อของกวนอูโด่งดังและเป็นที่รู้จักไปทั่วแผ่นดิน และเป็นเหมือนจุดเริ่มของกวนอูในการเข้าสู่โลกแห่งการเมืองการสงครามในยุคสามก๊กอย่างเต็มตัว

จากนั้นเมื่อลิโป้ออกมาท้ารบด้วยตัวเองและสังหารเหล่านักรบไปมากมาย เตียวหุยก็อาสาออกไปบ้าง โดยเมื่อสู้ไปได้หลายสิบเพลง กวนอูกับเล่าปี่ก็เข้าไปสมทบ จนลิโป้ซึ่งตอนนั้นได้ชื่อว่าเป็นเทพนกรับที่ออกศึกครั้งใดก็ไม่เคยพ่าย ถึงกับต้องล่าถอยกลับไป นั่นทำให้ชื่อของสามพี่น้องร่วมสาบานโด่งดังไปทั่ว และกวนอูก็ถูกยกย่องว่ามีฝีมือไม่หยิ่งหย่อนไปกว่าเทพสงครามอย่างลิโป้

หลังจากเสร็จศึกนั้น โจโฉสนใจในความสามารถของกวนอูมาก จนเป็นเรื่องราวในภายหลัง

แม้จะทำให้ลิโป้ต้องล่าถอยไป แต่ทัพพันธมิตรก็ยังไม่อาจจะตีเข้าไปในเมืองลกเอี๋ยงได้ ซึ่งเป็นฝ่ายตั๋งโต๊ะเองที่ได้ทำการเผาเมืองทิ้งเพื่ออพยพไปเมืองเตียงฮัน และแทนที่ทัพพันธมิตรจะไล่ตาม กลับเอาแต่ฉลองชัยชนะจอมปลอมกันอย่างเมามัน ทำให้โจโฉตัดสินใจแยกวงออกมา แล้วจากนั้นซุนเกี๋ยนก็ไปอีกคน ส่วนเล่าปี่นั้นเป็นนายกองใต้สังกัดของกองซุนจ้าน เมื่อกองซุนจ้านตัดสินใจกลับภาคเหนือ เล่าปี่สามพี่น้องจึงกลับไปด้วย

หลังจากนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมากมายในภาคกลางและการเปลี่ยนศูนย์อำนาจเมื่อตั๋งโต๊ะถูกลิโป้สังหาร ทำให้เหล่าขุนศึกทั่วแผ่นดินต่างกระโจนเข้ามาร่วมชิงแผ่นดิน

เล่าปี่ได้รับเชิญให้เข้ามายังเมืองชีจิ๋วเพื่อต้านศึกโจโฉที่อ้างสาเหตุการตายของพ่อจากการที่ถูกทหารของโตเกี๋ยมสังหารมาล้างแค้นโดยมุ่งจะฆ่าล้างเมือง เล่าปี่สามพี่น้องไม่อยู่เฉย ตอบรับคำชวนจากโตเกี๋ยมและรีบยกกำลังมาช่วย แต่เมื่อรบไม่ทันไรโจโฉก็ถอยทัพกลับเพราะเมืองตันลิวของตนถูกลิโป้ลอบตลบหลัง จากนั้นเล่าปี่ก็ได้รับสืบทอดตำแหน่งเจ้าเมืองชีจิ๋วโดยการสนับสนุนของขุนนางและประชาชนชาวชีจิ๋วต่อจากโตเกี๋ยมที่ตายลง โดยกวนอูได้รับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเมืองเซี้ยพี้ที่อยู่ใกล้กัน

จากนั้นลิโป้ที่พ่ายศึกโจโฉก็เข้ามาขอพึ่งพิงเล่าปี่ ซึ่งเขาก็ยอม แม้กวนอูจะทัดทานเพราะเห็นว่าลิโป้เป็นคนเนรคุณ ต่อมาอ้วนสุดสถาปนาตนขึ้นเป็นใหญ่ โจโฉต้องการลดทอนกำลังเล่าปี่ จึงอ้างราชโองการสั่งเล่าปี่ไปสู้กับอ้วนสุด โดยเล่าปี่ไปกับกวนอู ให้เตียวหุยเฝ้ารักษาเมือง

กวนอูออกศึกปะทะกับกิเหลงแม่ทัพเอกของอ้วนสุดและเอาชนะได้อย่างง่ายดาย ตอกย้ำความเก่งกาจเข้าไปอีก ต่อมาเตียวหุยเสียท่าถูกลิโป้ยึดเมืองได้ ต้องหนีตายมาแจ้งข่าวแก่เล่าปี่ สามพี่น้องจึงตัดสินใจกลับไปเจรจากับลิโป้ ซึ่งลิโป้ก็ให้สามพี่น้องไปอยู่เมืองเสียวพ่ายแทน

เล่าปี่ไม่มีทางเลือกต้องไปอยู่เสียวพ่าย เขาเจ็บใจลิโป้ที่หักหลัง ไม่นานนักก็ตัดสินใจไปขอพึ่งพาโจโฉ และเมื่อโจโฉนำกองทัพเข้ามาปราบลิโป้ได้ เล่าปี่สามพี่น้องก็กลายเป็นบริวารของโจโฉ

เล่าปี่ถูกเชิญให้เข้าเมืองหลวงและเขากับกวนอูเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ซึ่งเล่าปี่ได้รับแต่งตั้งเป็นพระเจ้าอา ส่วนกวนอูนั้นได้รับการชื่นชมจากฮ่องเต้ว่าเป็นบุรุษเครางาม

เมื่ออยู่กับโจโฉไปนานเข้า เล่าปี่ก็รู้สึกว่าตนไม่อาจจะอยู่ใต้โจโฉได้อีก เพราะลักษณะที่ไม่ยอมอยู่ใต้ใคร ดังนั้นเมื่อมีโอกาสเล่าปี่จึงทำทีขอกำลังทหารไปปราบอ้วนสุด แต่เมื่ออกมาได้แล้วก็ชิ่งหนีไปและข้ายึดเมืองชีจิ๋วกลับมาทันที

โจโฉโกรธมากจึงสั่งกองทัพบดขยี้เล่าปี่จนต้องหนีกระเซอะกระเซิง และต้องแยกจากกันกับกวนอู เตียวหุย โดยกวนอูขณะนั้นมีหน้าที่อารักขาครอบครัวของเล่าปี่ เมื่อจนมุมต่อทหารของโจโฉ ด้วยการเกลี้ยกล่อมของเตียวเลี้ยว แม่ทัพของโจโฉที่เคยเป็นเพื่อนกับเขามาก่อน รวมกับมีภาระอย่างเมียทั้งสองของเล่าปี่ เขาจึงตัดสินใจยอมจำนนต่อโจโฉ

เมื่อมาอยู่กับโจโฉ เขาได้รับการอวยยศเป็นฮั่นโซ้วถิงโหว (พระยาพิทักษ์ฮั่น) และได้ออกศึกใหญ่ให้โจโฉในการปะทะกับอ้วนเสี้ยว ด้วยการสังหารงันเหลียงนายทหารเอกที่เก่งกาจของอ้วนเสี้ยวจนชื่อเสียงของกวนอูระบือไกล และถูกยกย่องอย่างไม่เป็นทางการว่าเป็นนักรบที่เก่งที่สุดของยุคสืบต่อจากสมัยของลิโป้

แต่เขาว่าคับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก แม้โจโฉจะปรนเปรอกวนอูด้วยทรัพย์สินมากมายขนาดไหน กวนอูก็เพียงรับไว้เป็นน้ำใจ แต่ใจจริงนั้นเขาคิดแต่จะกลับไปอยู่กับเล่าปี่ตลอดเวลา และเมื่อข่าวว่าเล่าปี่ไปขอพึ่งพิงยู่กับอ้วนเสี้ยว เขาก็ตัดสินใจผละจากโจโฉทันที

โจโฉแม้จะไม่อยากปล่อยให้ไป แต่การรั้งคนที่ไม่ใจจะอยู่มันก็เท่านั้น และอีกอย่างเป็นความเห็นส่วนตัวของผมว่าโจโฉนั้นใช้งานกวนอูจนคุ้มค่าแล้ว เพราะแม้กวนอูจะเป็นนักรบที่เก่งที่สุด แต่ในฐานะแม่ทัพที่ต้องนำทหารนับหมื่นนั้น เขายังเป็นรองเหล่าแม่ทัพของโจโฉอีกหลายคน นั่นคือการใช้กวนอูนั้นจะเหมาะในการให้เขาการท้าดวลกับเหล่าขุนพลและแม่ทัพ หรือหากให้นำทหารจำนวนน้อยเข้าโจมตีแบบสายฟ้าก็เหมาะสม หรือจะใช้เขาเป็นทัพหน้าเพื่อใช้ชื่อเสียงของเขาข่มขู่ทหารฝ่ายตรงข้ามให้เสียขวัญก็เป็นวิธีที่ไม่เลว

แต่ไม่เหมาะในการคุมกองทหารจำนวนมหาศาลหลายหมื่น เพราะกวนอูมีข้อเสียอย่างร้ายแรงอย่างหนึ่งนั่นคือมีนิสัยเย่อหยิ่งทระนงและเชื่อมั่นในตัวเองมากล้น ซึ่งหากเป็นแม่ทัพใหญ่ที่ต้องตัดสินใจเรื่องทุกอย่างและต้องมองสถานการณ์โดยรวมให้ลึกถึง 2-3 ชั้นแล้ว กวนอูอาจจะผิดพลาดได้

เหตุการณ์ในช่วงปลายชีวิตของกวนอูจะเป็นข้อพิสูจน์คำพูดนี้

หลังจากออกมาจากโจโฉแล้ว กวนอูก็ออกเดินทางไปหาเล่าปี่ที่ตอนนี้อยู่กับอ้วนเสี้ยว ซึ่งเรื่องตรงนี้ในนิยายสามก๊กได้เพิ่มเติมเรื่องราวที่กวนอูหักด่านสังหาร 5 ขุนพลเอาไว้ด้วย แต่เรื่องนี้ไม่น่าจะมีจริงในประวัติศาสตร์

ข้อยืนยันคือเส้นทางการเดินทางของกวนอูจากเมืองฮูโต๋ไปหาเล่าปี่นั้น มันเป็นการอ้อมแบบสุดๆชนิดที่ถ้ากวนอูทำเช่นนั้นจริงด้วยการคมนาคมในยุคนั้นต้องใช้เวลาเกือบปีกว่าจะไปถึง

เส้นทางจริงของคือกวนอูออกจากฮูโต๋แล้วขึ้นเหนือข้ามแม่น้ำเหลืองที่อำเอไป๋หม่าจากนั้นจึงผ่านเมือง เว่ยสื้อไปถึงเมืองไคฟงจากนั้นผ่านหัวเสี้ยน ซึ่งเส้นทางนี้เป็นทางราบไม่มีภูเขาและเป็นการเดินทางที่ถูกต้องหากจะขึ้นไปหาอ้วนเสี้ยวทางทิศเหนือ

แต่เส้นทางในนิยายนั้นพิสดารมากนั่นคือเมื่อออกจากฮูโต๋แล้ว ด่านแรกคือด่านตังเหลงก๋วนซึ่งไม่มีในประวัติศาสตร์ จากนั้นด่านที่สองคือด่านลกเอี๋ยง ด่านนี้อยู่ทางตต.เหนือของเขาซงซานซึ่งเส้นทางทุรันดารมาก จากนั้นด่านที่สามคือกิสุยก๋วน ตรงจุดนี้เริ่มมั่วแล้ว เพราะกวนูจะไปด่านนี้ได้ต้องข้ามแม่น้ำเหลืองไปก่อน ยังไม่ทันไปเลยแล้วจะผ่านด่านไง

ด่านที่สี่คือเอี๋ยงหยง ด่านสุดท้ายคือหัวโจวหรือไป๋หม่า....สรุปเส้นทางแล้วหากกางแผนที่แล้วลากเส้นดู เส้นทางของกวนอูจะวกไปวนมาเหมือนกับคนที่ไปทัศนาจรเล่น

คนมีสติย่อมไม่ทำแบบนั้น จะบอกว่าเพราะโจโฉปิดด่านไม่อยากให้กวนอูไปจนต้องหาเส้นทางที่มันพิสดารก็ไม่ใช่ เพราะอย่างที่เห็นว่าเมื่อนายด่านไม่ยอมให้ไป กวนอูก็เก็บลูกเดียวดังนั้นอะไรก็ขวางเขาไม่ได้ แล้วแบบนี้กวนอูจะอ้อมเขาไปทำไมให้มันเสียเวลา และการเดินทางนี้ยังต้องพาเมียทั้งสองของเล่าปี่ไปด้วย นึกภาพสิว่ากวนอูจะเอาเมียของพี่ใหญ่ไปตกระกำกับเส้นทางอันแสนทุรกันดารและวกวนแบบนั้นเหรอ

ดังนั้นเรื่องหักด่านห้าขุนพลจึงเป็นเรื่องแต่งที่ทำให้กวนอูมีสีสันและโดดเด่นมากขึ้นตามประสานิยายที่ต้องเชิดชูและหาบทให้ฝ่ายตัวเอกได้แสดงความเก่งเท่าที่จะทำได้

สรุปว่าเมื่อกวนอูเดินทางเสร็จสิ้น เขาก็ได้ไปพบกับเล่าปี่ เตียวหุยอีกครั้ง สามพี่น้องร่วมสาบานจึงกลับมาพบกันอีก โดยในระหว่างที่พาเล่าปี่ออกจากอ้วนเสี้ยวนั้นเขาก็ได้พบกับจูล่งและเล่าปี่ก็ได้จูล่งมาอยู่ด้วย

เมื่อได้จูล่งมา หน้าที่องครักษ์ของเล่าปี่และครอบครัวก็ถูกโอนมาให้จูล่งทำแทน กวนอูจึงรับหน้าที่ในฐานะนายทัพออกศึกแนวหน้าเพียงอย่างเดียว

โจโฉส่งกองทัพเข้าปราบเล่าปี่ที่กำลังเริ่มสร้างตัวอีกครั้ง จนเล่าปี่ต้องหนีไปขอพึ่งพาเล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋ว และเล่าปี่ก็ได้รับมอบมายให้ไปเฝ้าเมืองซินเอี๋ยคอยทำหน้าที่ป้องกันศึกจากโจโฉที่จะมาในอนาคต

ที่นี่สามพี่น้องได้ใช้ชีวิตสงบนานถึง 7 ปีจนเมื่อปีค.ศ.207 โจโฉสามารถรวมภาคเหนือและกลางได้ทั้งหมดจึงตัดสินใจรวบรวมไพร่พลหมายจะบุกลงใต้ และเกงจิ๋วก็คือด่านแรก

เพื่อรับมือโจโฉ เล่าปี่จึงต้องควานหาคนเก่งมาช่วยงาน โดยได้รับคำชี้แนะจากสุมาเต็กโช ปราชญ์อาวุโสแห่งเกงจิ๋วที่ได้บอกให้เขาหานักปราชญ์มาช่วยงาน ซึ่งสุมาเต็กโชได้เสนอชื่อของคนสองคนนั่นคือ ฮกหลงและฮองซู หรือขงเบ้งกับบังทอง

เล่าปี่ได้รับการชี้ช่องแบบนั้นก็ออกตามหาขงเบ้ง ซึ่งเขาทราบมาว่าอยู่ที่เขาหลงจง แต่กวนอูค่อนข้างจะไม่เชื่อน้ำยาของขงเบ้งว่าจะมีแต่ชื่อเสียงจอมปลอมรึเปล่า เพราะเมื่อได้พบตัวจริงแล้ว ขงเบ้งก็เป็นเพียงแค่หนุ่มชาวนา ที่มีลักษณะของบัณฑิตคงแก่เรียนเท่านั้น ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ผมว่ากวนอูไม่ค่อยจะชอบพวกบัณฑิตสักเท่าไหร่ เขามักจะชมชอบพวกนักรบใช้กำลังแบบเดียวกับตนเช่นเตียวหุย หรือว่าจิวฉองซึ่งเป็นองครักษ์ประจำตัว

ขงเบ้งเมื่อลงจากเขาแล้วก็ได้โอกาสแสดงความสามารถในการวางกลยุทธ์ วางเพลิงทัพของโจโฉที่ทุ่งพกป๋องได้จนราบคาบ เป็นการทำให้กวนอูยอมรับ แต่กระนั้นลึกๆแล้วกวนอูเองก็อาจจะยังไม่ค่อยชอบใจขงเบ้งที่มาแย่งความสำคัญของตนต่อเล่าปี่ไปอยู่ดี ซึ่งพอจะมีเหตุการณ์สนับสนุนข้อคิดนี้เหมือนกัน

มีบันทึกชัดเจนว่าเล่าปี่นั้นมักจะนอนร่วมห้องกับกวนอู เตียวหุย จูล่งเป็นประจำ และมักไม่นอนกับภรรยา นี่จึงอาจเป็นเหตุที่ทำให้เล่าปี่มีลูกช้า และกว่าจะได้ลูกคนแรกคืออาเต๊านั้นก็เป็นช่วงที่ขงเบ้งลงจากเขามาอยู่ใหม่ๆนั่นแหละ

ก่อนจะได้ขงเบ้ง กวนอูเป็นลูกน้องที่มีความสำคัญกับเล่าปี่เป็นอันดับแรก เพราะเป็นทั้งน้องร่วมสาบาน และยังเป็นนายทหารเอกอันดับหนึ่ง ทีนี้พอขงเบ้งซึ่งเป็นเพียงบัณฑิตหนุ่ม ไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำศึก อายุก็เพิ่งจะ 27 ตอนที่กวนอูเป็นแม่ทัพชื่อดังก้องหล้านั้น ขงเบ้งยังเป็นแค่เด็กชาวนาอยู่เลย แต่ตอนนี้ขงเบ้งกลับมาแบ่งแย่งความสำคัญของตัวเองที่มีต่อเล่าปี่ไป ก็ย่อมไม่พอใจเป็นธรรมดา

อย่าลืมว่ากวนอูก็เป็นมนุษย์ ย่อมมีอารมณ์ความรู้สึกเหมือนคนทั่วไป ที่เขาได้เป็นเทพเจ้าในภายหลังก็ล้วนแต่เกิดจากการยกย่องเชิดชูของชาวแมนจูทั้งนั้น ซึ่งรายละเอียดตรงนี้ค่อยว่ากันอีกทีเมื่อเล่าถึงภายหลังจากที่กวนอูตายลง

ในนิยายระดับพงศาวดารที่เน้นรายละเอียดของเรื่องราวการต่อสู้เพื่อความเป็นใหญ่นั้น มักจะละเลยในส่วนของความสัมพันธ์บางอย่างของบุคคลไป ไม่เพียงแต่เรื่องสามก๊ก เรื่องอื่นๆก็ด้วยที่เวลาเราอ่านแล้วมักจะรู้สึกถึงความผิดแปลกในความประพฤติบางอย่างที่ตัวละครตัวหนึ่งทำต่อตัวอื่นๆ ซึ่งดูๆไปแล้วมันไม่ค่อยสมเหตุผลเท่าไหร่ หรือการอธิบายนั้นก็จะทำในแบบรวบรัดสั้นๆ ไม่ได้เจาะไปถึงสาเหตุว่าทำไมเพราะอะไร ซึ่งกรณีเรื่องที่กวนอูไม่ค่อยถูกกับขงเบ้งก็เช่นกัน ถ้าลองอ่านสามก๊กหลายๆฉบับให้ละเอียด ดูหนังสามก๊กหลายรอบหลายเวอร์ชั่น มันจะมีบางอย่างที่ดูจะแปลกๆในคำพูดและการกระทำที่ตัวละครสองตัวนี้มีให้กัน ซึ่งจะขอพูดถึงในภายหลัง

เอาเป็นว่าหลังจากได้ขงเบ้งมาดำรงตำแหน่งเสนาธิการกองทัพแล้ว เล่าปี่ก็เริ่มจะลืมตาได้ ในแง่การใช้กลยุทธ์การวางนโยบายทางทหาร และรูปแบบใหม่ๆในการฝึกฝนทหาร แต่กระนั้นแม้จะได้ขงเบ้งมา ในการทำสงครามสิ่งสำคัญอันดับแรกๆคือจำนวนทหาร ซึ่งตรงนี้เล่าปี่เป็นรองโจโฉสุดกู่ ระหว่างแม่ทัพที่มีตำแหน่งคอยรักษาเมืองซินเอี๋ยซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ กับมหาอุปราชแห่งแผ่นดินฮั่นที่มีอำนาจเหนือดินแดนจงหยวนแล้ว หากโจโฉนำกำลังทหารลงใต้มาเมื่อไหร่ เล่าปี่มีทางเดียวคือต้องหนี

และเล่าปี่ก็ต้องหนีอย่างแทบเอาชีวิตไม่รอดอีกครั้ง ซึ่งน่าจะพูดได้ว่าเป็นการหนีครั้งสำคัญที่ต้องสูญเสียมากที่สุดในชีวิตของเล่าปี่

โจโฉนำทัพนับแสนบุกลงใต้สู่เมืองเกงจิ๋วของเล่าเปียวซึ่งตอนนี้ได้ตายไปแล้ว เล่าปี่ไม่อาจต้านทานได้จึงอพยพทหารและประชาชนหลายหมื่นคนหนีลงใต้ไปด้วย ซึ่งระหว่างทางนั้นขงเบ้งคาดว่าคงจะหนีไม่ทัน จึงขอแยกตัวล่วงหน้าไปยังแฮเค้าเพื่อขอยืมกำลังทหารจากเล่ากี๋ ส่วนกวนอูนั้นได้รับคำสั่งให้นำทหารและประชาชนจำนวนหนึ่งหนีไปทางเรือก่อน ดังนั้นกวนอูจึงพลาดการปะทะกับทหารหลายแสนที่ทุ่งเตียงปันไป

เมื่อหนีมาถึงแฮเค้าแล้ว ขงเบ้งก็แนะให้เล่าปี่ไปจับมือเป็นพันธมิตรกับทางซุนกวน ผู้ครองเมืองกังตั๋งทางตะวันออก เพื่อให้จับมือกันต้านโจโฉ และขงเบ้งก็ไปเป็นทูตเจรจาสำเร็จ ก่อให้เกิดพันธมิตรเล่า-ซุนขึ้น ซึ่งนี่คือผลงานชิ้นเอกของขงเบ้ง

เมื่อเกิดพันธมิตรแล้ว ไม่นานนักศึกเซ็กเพ็กอันโด่งดังที่สุดในสามก๊กก็เปิดฉากขึ้น ผลสรุปคือฝ่ายโจโฉต้องพ่ายแพ้อย่างยับเยินที่สุด ตัวโจโฉต้องหนีตายมากับทหารไม่กี่นาย และระหว่างทางนั้นเองก็ถูกกวนอูดักจับได้

ก่อนอื่นต้องขอย้อนความเล็กน้อย ก่อนจะเปิดฉากรบกันนั้น ขงเบ้งมั่นใจแล้วว่าแผนการวางเพลิงกองเรือรบของโจโฉต้องสำเร็จแน่นอน และได้คาดคะเนทางหนีของโจโฉเอาไว้ ดังนั้นจึงได้ทำการส่งจูล่งและเตียวหุยให้ไปดักตามเส้นทางเหล่านั้น แต่เส้นทางสุดท้ายกลับไม่เลือกกวนอู

กวนอูไม่พอใจและถามว่าทำไมงานสำคัญแบบนี้จึงไม่เลือกตน ขงเบ้งก็อ้างว่าหากส่งกวนอูไปแล้ว เกิดกวนอูนึกถึงบุญคุณเก่าที่โจโฉเคยมอบให้แล้วปล่อยโจโฉไป การก็จะเสียหมด

กวนอูได้ฟังดังนั้นจึงออกปากว่าตนไม่ทำแน่ และย้อนถามขงเบ้งไปว่าเขามั่นใจหรือว่าโจโฉจะหนีไปตามเส้นทางที่ขงเบ้งคาดไว้

เมื่อเป็นเช่นนี้ขงเบ้งจึงให้กวนอูทำสัญญาไว้ว่า หากเขาส่งกวนอูไปดักยังเส้นทางสุดท้ายแล้วถ้ากวนอูปล่อยโจโฉล่ะก็ กวนอูต้องถูกลงโทษ และถ้าโจโฉไม่มายังเส้นทางนั้นตามที่ขงเบ้งคาดเดาไว้ ก็ให้เอาผิดขงเบ้งได้เช่นกัน

กวนอูตอบตกลงและให้คำมั่นว่าจะเอาหัวของโจโฉมาให้แน่นอน แต่พอถึงเวลาจริง กวนอูก็ปล่อยโจโฉไปเสีย เพราะเห็นแก่บุญคุณเก่า

เมื่อกลับมาในที่ประชุมทัพแล้ว กวนอูจำต้องถูกลงโทษตามกฏ แต่เล่าปี่ได้ขอไว้โดยอ้างว่าในเมื่อขงเบ้งน่าจะรู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายกวนอูก็ต้องปล่อยโจโฉ เหตุใดไม่ใช้คนอื่นไปเฝ้าจุดสุดท้ายนั้นแทน ขงเบ้งได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะ แล้วเฉลยว่าที่ตนทำแบบนั้นความจริงแล้วเป็นแผน เพื่อจะให้กวนอูได้ทดแทนบุญคุณของโจโฉให้หมด ซึ่งตนได้ดูดาวแล้วพบว่าโจโฉยังไม่ถึงฆาต ซึ่งหากสังหารโจโฉตอนนี้แผ่นดินภาคเหนือที่ไร้โจโฉก็อาจจะเกิดความวุ่นวายได้ และไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายเล่าปี่เพราะตอนนี้เล่าปี่ยังมีกำลังไม่แข็งพอ ย่อมมิอาจกุมสถานการณ์ทางภาคเหนือและกลางไว้ได้ ซึ่งก็คงจะต้องเสร็จให้แก่พวกลูกๆหรือลูกน้องของโจโฉเป็นแน่

ดังนั้นการลงโทษกวนอูจึงถูกยกเลิก และเล่าปี่กับกวนอูก็ยกย่องว่าขงเบ้งวางแผนได้ประดุจเทวดา

อ่านเรื่องตรงนี้แล้วมีใครรู้สึกแปลกๆกับเหตุผลของขงเบ้งไม่น้อยเลย

ก่อนอื่นขอบอกก่อนเลยว่าเหตุการณ์ที่กวนอูปล่อยโจโฉนี้เป็นเหตุการณ์สำคัญในสามก๊กที่ทำให้กวนอูได้รับการยกย่องเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์

นั่นแปลว่าคนแต่งเรื่องสามก๊กไม่ได้เน้นในเรื่องความซื่อสัตย์ที่มีต่อเล่าปี่ หากแต่เป็นการซื่อสัตย์ต่อบุญคุณของโจโฉและคำสัญญากองทัพที่ให้ไว้ต่อขงเบ้งที่เขากลับมายอมรับผิดโดยไม่หนี ซึ่งนับจากตอนนี้ไป ในหนังสือสามก๊กจะเรียกกวนอูว่ากวนกง อันเป็นการยกย่องให้เทียบเท่าเทพเจ้า ซึ่งเป็นตัวละครตัวเดียวในสามก๊กที่ได้เกียรตินี้

แต่ถ้ามันเป็นเรื่องแต่งล่ะ…

ถ้าเหตุการณ์กวนอูปล่อยโจโฉเป็นเรื่องแต่งในภายหลังที่จงใจเขียนขึ้นเพื่อเชิดูกวนอูล่ะจะว่ายังไง และอะไรคือข้อพิสูจน์

เส้นทางหนีของโจโฉจากผาเซ็กเพ็กนั้น หากเรายึดตามนิยายสามก๊กที่เขาจะต้องหนีจนไปพบพวกของจูล่ง เตียวหุย และกวนอูนั้น เมื่อลากดูแล้วไม่มีความสมเหตุสมผลด้วยประการทั้งปวง เพราะถ้ายึดตามเส้นทางนั้น โจโฉจะหนีลงใต้ แต่แม่ทัพที่แพ้ศึกอย่างโจโฉหากจะถอยทัพกลับทำไมไม่หนีขึ้นเหนือซึ่งเป็นถิ่นของตน แถมกำลังหนุนก็ยังมาจากกังเหลงซึ่งอยู่ทางเหนืออีกด้วย

เปรียบง่ายๆคือ โจโฉยกทัพมาจากเชียงใหม่และมาตั้งทัพที่กรุงเทพเพื่อเข้าตีระยองแต่แพ้ เวลาหนีถ้าคุณเป็นโจโฉคุณจะหนีกลับเชียงใหม่ยังไง แน่นอนว่าทางหนีมีมากมาย ซึ่งยังไงซะก็ต้องขึ้นเหนืออยู่ดี แต่นี่พี่ท่านดันหนีลงประจวบแทน

นอกจากนี้แดนใต้ในตอนนั้นก็ยังไม่สงบราบคาบ หากว่าทัพของโจโฉหนีแตกพ่ายไปทางนั้นจริงคงต้องถูกกระหน่ำซ้ำจากเจ้าเมืองเกงจิ๋วตอนล่างทั้งสี่หัวเมืองที่ตอนนั้นตั้งตัวเป็นอิสระแน่นอน

ตามธรรมชาติของคน ยามทัพแตกพ่ายและต้องหนีตาย ย่อมที่จะไปให้กลายกับถิ่นของตนมากที่สุด ไม่มีความจะเป็นอันใดที่จะต้องเดินอ้อมลงใต้ไปก่อนและค่อยกลับขึ้นเหนือ เคยมีคนแย้งเหมือนกันว่าที่โจโฉต้องทำแบบนั้นเพราะเส้นทางหนีถูกฝ่ายเล่า-ซุนปิดไว้หมด

งั้นลองไปสำรวจเส้นทางอีกที ดินแดนเกงจิ๋วช่วงเมืองกังเหลงและกังแฮนั้นเป็นของโจโฉทั้งหมดก่อนจะเสียทีที่เซ็กเพ็กซึ่งมาถูกเล่าปี่ดอดเอาไปทีหลัง โดยก่อนนั้นเล่าปี่ตั้งมั่นอยู่ที่แฮเค้า แล้วฝ่ายซุนกวนจะเอากองกำลังที่ไหนไปตั้งปิดทางหนีของโจโฉในเมื่อประตูขึ้นเหนือนั้นอยู่ที่เมืองเซียงหยางซึ่งโซนนั้นทั้งหมดเป็นของฝ่ายโจโฉ ฝ่ายซุนกวนที่ต้องระดมกำลังทั้งหมดมาประจัญบานที่ผาแดง จะไปเอาทหารที่ไหนมาปิดทางหนีของโจโฉซึ่งอยู่ห่างไกลจากเขตพื้นที่ของตนมาก และจิวยี่คงไม่โง่พอจะนำทหารล้ำเข้าเขตอิทธิพลของโจโฉที่ยังเข้มแข็งอยู่

บางคนก็บอกว่าเพราะถูกขงเบ้งส่งกำลังทหารไปปิดทางขึ้นเหนือเพื่อบีบให้โจโฉลงใต้ จะได้ไปยังเส้นทางที่ขงเบ้งกำหนดล่ะก็ ยิ่งไม่มีทาง เพราะขงเบ้งจะมีเวลาหรือกำลังทหารที่ไหนมากพอจะส่งไปปิดทางหนีขึ้นเหนืออันเป็นเขตที่ห่างไกลจากอิทธิพลของตนกัน หรือว่าหากทำได้จริงไหงไม่ส่งกวนอูไปปิดทางนั้นซะตั้งแต่แรก จะได้เจอกับโจโฉแล้วเคลียร์บุญคุณกันไปเลย ทำไมต้องมาทำอะไรให้มันยุ่งยากด้วยเพื่อให้กวนอูต้องมาคาดโทษไว้ด้วย

เหตุผลของขงเบ้งก็ฟังดูทะแม่งๆ ในนิยายบอกว่าเขาดูดาวแล้วพบว่าดวงของโจโฉยังไม่ถึงฆาต แล้วถ้างั้นทำไมถึงต้องมารบกับโจโฉล่ะในเมื่อดูแล้วรู้ว่าโจโฉยังไงก็ไม่ตาย

นี่มันก็แค่ข้อแก้ตัวที่นักแต่งนิยายทำให้ ซึ่งแน่นอนว่ามันดูไม่สมเหตุผล ถึงแม้ว่าในยุคสมัยนั้นจะมีความเชื่อในเรื่องดวงดาวและโหราศาสตร์ แต่ก็มีความเห็นเหตุผลมากกว่านี้

สรุปแล้วเหตุการณ์กวนอูปล่อยโจโฉมีโอกาสจะเป็นเรื่องที่นักแต่งนิยายอย่างหลอก้วนจงแต่งขึ้นประมาณ 70-80% เมื่อพิจารณาจากเหตุผลหลายอย่างที่เอ่ยมา ทั้งนี้เพื่อที่จะได้เชิดชูกวนอูให้สูงขึ้นจนกลายเป็นเทพเจ้า

เหตุผลเดียวที่พอจะฟังขึ้นซึ่งนิยายไม่ได้พูดออกมาโจ่งแจ้งว่าทำไมขงเบ้งส่งกวนอูไปดักโจโฉคนสุดท้าย นั่นคือขงเบ้งไม่คิดจะเอาชีวิตของโจโฉแต่แรกแล้ว เพราะต้องการใช้โจโฉมาเป็นตัวคานอำนาจซุนกวนเอาไว้ก่อน

เล่าปี่ตอนนั้นไม่มีแม้แต่ที่มั่นของตน เทียบกับซุนกวนเวลานั้นไม่ได้เลย หากว่าตอนนั้นโจโฉถูกฝ่ายเล่าปี่สังหาร แผ่นดินภาคเหนือจะเกิดการผลัดเปลี่ยนทันที ซึ่งขงเบ้งคงไม่แน่ใจว่าโจผีที่ในเวลานั้นอายุยังน้อยจะสามารถกุมอำนาจไว้ได้เต็มที่หรือไม่ และจะต้านทานซุนกวน จิวยี่ที่ตอนนี้กำลังคึกสุดขีดจากชัยชนะที่เซ็กเพ๊กได้หรือเปล่า

หากว่าเอาไม่อยู่ แล้วฝ่ายซุนกวนบุกตีไปเรื่อยๆ สุดท้ายกระถางจะไม่เป็นสามขา แต่คนชนะอาจจะเป็นซุนกวนไปเลย หรือถึงโจผีจะต้านทานได้ ก็คงเสียเขตแดนไปมาก ซุนกวนก็อาจจะสามารถรุกตีจนได้พท.ภาคกลางมาได้บางส่วนจนมีกำลังที่เข้มแข็งขึ้นมาก ชนิดที่เรียกว่าจิวยี่คงไม่เห็นความจำเป็นในการเป็นพันธมิตรกับเล่าปี่อีกแล้ว เพราะจะกลายเป็นว่าฝ่ายง่อไม่ต้องพึ่งการค้ำยันดุลอำนาจของฝ่ายเล่าปี่ก็มีกำลังเท่าเทียมกับฝ่ายโจผี

เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องแบบนั้น จึงต้องปล่อยโจโฉไป ถ้าจะมีเหตุผลที่ปล่อยตัวไปล่ะก็ เรื่องนี้คือเหตุผลที่เข้าท่าที่สุด

แล้วทำไมต้องเป็นกวนอูที่ได้เป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์….ในเรื่องสามก๊กมีคนซื่อสัตย์มากมาย บางคนมีพฤติกรรมตรงนี้เด่นชัดกว่าอีก แล้วทำไมจึงไม่ได้รับยกย่องแบบนั้นบ้าง

จะบอกเล่าให้ฟังต่อพร้อมกับช่วงชีวิตในตอนปลายของท่านกวนอู

อ่านต่อประวัติสามก๊ก ประวัติกวนอู หยุนฉาง 2

1 ความคิดเห็น:

  1. สวัสดีค่ะ ขออนุณาตประชาสัมพันธ์ โมเดลโลหะอัลลอย สามก๊ก สำหรับแฟนพันธ์แท้สามก๊ก ราคาน่าซื้อมากค่ะ จัดส่งทั่วประเทศ ดูได้ที่https://www.facebook.com/profile.php?id=100005917337996 หรือเว็บไซต์ LAZADAhttp://www.lazada.co.th/3kingdom/

    ตอบลบ