วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555

ประวัติสามก๊ก ประวัติตั๋งโต๊ะ จ้งอิ่ง

ประวัติสามก๊ก ประวัติตั๋งโต๊ะ จ้งอิ่ง

คำถาม....ใครเลวที่สุดในสามก๊ก

มีตอบมาต่างๆนานา แต่คำตอบที่รับมามากที่สุดคือตั๋งโต๊ะ ชายผู้เป็นทรราชย์ตัวจริงชนิดไร้ข้อกังขาในยุคสามก๊ก

ผมมีความเชื่อว่าคนเราไม่มีใครจะดีหรือเลวไปซะหมด มันต้องมีดีเลวปนกันอยู่บ้าง ซึ่งแม้แต่ตัวตั๋งโต๊ะ ผมก็ยังมีความคิดเช่นนั้น

แต่ถึงกระนั้นหากจัดลำดับความเลวความโหดแล้ว ยังไงซะตั๋งโต๊ะคงจะเป็นตัวละครที่โหดและเลวที่สุดอย่างแน่นอน เมื่อดูจากสิ่งที่เขาไดทำทิ้งไว้ในประวัติศาสตร์


ประวัติโดยย่อ


ตั๋งโต๊ะ มีชื่อรองว่า จ้งอิ่ง เป็นชาวเมืองหลงเสที่อยู่ทางตอนเหนือ ซึ่งเป็นถิ่นของนักรบบนหลังม้าที่เหี้ยมหาญ มีบิดาเป็นนายอำเภอเมืองหลินเถา

ในวัยฉกรรจ์เขาเป็นคนที่มีรูปร่างใหญ่โต กำลังแขนและบ่าเหนือคนทั่วไป มีความชำนาญในการขี่ม้ายิงธนูตามแบบฉบับของชาวจีนเหนือ จากนั้นได้รับราชการ เนื่องจากชำนาญการรบและคุ้นต่อชัยภูมิแถวชายแดน จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพเมืองเสเหลียง มีหน้าที่หลักคือป้องกันการรุกรานจากศัตรูต่างชาติที่อยู่นอกกำแพงเมืองจีน

เมื่อเกิดกบฏโพกผ้าเหลืองขึ้นทั่วแผ่นดิน ราชสำนักได้ระดมเหล่าขุนศึกให้ทำการปราบปราม ตั๋งโต๊ะก็เป็นผู้หนึ่งที่ร่วมในการปราบปรามครั้งนี้

ในนิยายสามก๊กเล่าว่าทัพของตั๋งโต๊ะเสียทีแก่โจรผ้าเหลือง แต่ได้ทัพทหารอาสาของเล่าปี่ที่เดินทางมาช่วยเอาไว้ เมื่อตั๋งโต๊ะรู้ว่าเล่าปี่เป็นแค่ทหารอาสาจึงทำท่าดูถูก เตียวหุยโกรธจัดคิดจะฆ่าตั๋งโต๊ะ แต่เล่าปี่ห้ามไว้

ตอนอ่านสามก๊กตรงนี้ทีแรกก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอมาอ่านอีกในรอบหลังๆ ผมเริ่มสงสัยอะไรบางอย่างว่าเรื่องที่เล่าปี่ไปพบตั๋งโต๊ะโดยบังเอิญและช่วยไว้นั้น จริงๆแล้วเป็นเรื่องเสริมเพื่อให้เล่าปี่โดดเด่นขึ้นในช่วงแรกๆรึเปล่า และตั๋งโต๊ะแพ้แก่โจรผ้าเหลืองจริงหรือ

ทำไมผมคิดแบบนี้ เดี๋ยวจะพูดให้ฟังทีหลังนะ เกี่ยวกับแผนการนี้

การปราบโจรผ้าเหลืองสำเร็จลงได้ เหล่าขุนศึกที่มีผลงานในการปราบปรามได้ยอดเยี่ยมต่างพากันได้รับปูนบำเหน็จแต่งตั้งกันทุกคน ส่วนตั๋งโต๊ะซึ่งรบแพ้นั้นแทนที่จะโดนลงโทษ กลับได้ความชอบด้วยการได้รับยศเป็นผู้ตรวจการมณฑลเสเหลียง กุมอำนาจทหารทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ

ในนิยายสามก๊กเล่าว่าการที่ตั๋งโต๊ะได้รับยศนั้นเพราะเขาได้ทำการติดสินบน 10 ขันทีซึ่งขณะนั้นมีอำนาจสูงสุดในราชสำนัก และในความจริงมันคงเป็นเช่นนั้น

จากนั้น 5 ปีเต็ม กองทัพของตั๋งโต๊ะได้ขยายเป็นนับแสนคน นั่นคือในระหว่างที่เหล่าขุนนางและขุนศึกคนอื่นที่มีผลงานจากการปราบโจรผ้าเหลือเอาแต่สบายไปวันๆนั้น ตั๋งโต๊ะได้ทำการซ่องสุมกำลังคนเอาไว้แล้ว

เพื่อรอความเปลี่ยนแปลง!!!

ค.ศ.189 โฮจิ๋นผู้บัญชาการสูงสุดของรัฐบาลได้ออกสารร่อนไปยังเจ้าเมืองและเหล่าขุนศึกในแผ่นดินให้ร่วมกันนำทัพเข้ามาในเมืองหลวงเพื่อปราบปราม 10 ขันทีอันเป็นต้นเหตุแห่งความเหลวแหลกในราชวงศ์ฮั่นตอนปลาย

เตือนความจำกันหน่อยว่า 10 ขันทีนี้คือเหล่าขันทีระดับสูง 10 คน ที่มีอำนาจต่างพระเนตรพระกรรณในการบริหารบ้านเมืองในสมันพระเจ้าเลนเต้ และพวกเขาต่างก็บริหารไปตามใจชอบ ในยุคนั้นคนดีจะถูกกีดกัน คนขี้ประจบและพวกฉ้อฉลต่างมีเกลื่อนในราชสำนัก ตำแหน่งขุนนางไม่ได้ใช้ความสามารถได้มา หากแต่ใช้เงินซื้อ ผู้มีความสามารถจริงๆถูกมองข้าม

ในสภาพที่ภายในนครหลวงเน่าเฟะถึงที่สุด โฮจิ๋นต้องการล้มล้างพวก 10 ขันที ซึ่งเขาก็น่าจะทำได้ไม่ยาก เพราะช่วงนั้นเขาเพิ่งจะได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการทหาร โดยอาศัยบารมีของโฮไทเฮาผู้เป็นน้องสาว ในสภาพที่ตนเองเป็นผู้กุมอำนาจทหารเช่นนี้ การจะจัดการกับพวกขันทีที่ไร้ฝีมือและไม่ได้มีกำลังกองทัพเป็นของตนเอง มันไม่น่าจะยากอะไรเลย

อาศัยมือสังหารเพียงไม่กี่คน หรือไม่ก็ออกประกาศความผิดของ 10 ขันทีอย่างเป็นทางการ เพียงเท่านี้ก็จะขจัดภัยให้แผ่นดินได้ แถมตนเองยังจะได้รับจารึกในประวัติศาสตร์ฐานะวีรบุรุษผู้ช่วยราชวงศ์ด้วย แต่โฮจิ๋นที่เดิมเป็นคนขายเนื้อนั้น ไม่มีความเด็ดขาดและขาดวิสัยทัศน์ เขาเลือกที่จะทำตามคำแนะนำของอ้วนเสี้ยวด้วยการส่งสารให้เหล่าขุนศึกกุมกำลังเข้ามาปราบปรามกังฉินในเมืองหลวง

คิดดูว่าขุนศึกจากภูมิภาค เมื่อได้โอกาสนำกำลังทหารของตนเองเข้าเมืองหลวงแล้วจะเกิดอะไรขึ้น มิกลายเป็นเปิดโอกาสให้ผู้ที่บ้าอำนาจได้ทำการรัฐประหารหรอกหรือ

โจโฉเคยคัดค้านแผนการยืมกำลังทหารจากขุนศึกนี้ของโฮจิ๋นเพราะคาเดาถึงผลที่จะตามมา แต่ไม่เป็นผลและมันก็เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ เมื่อผู้ที่นำกำลังทหารเข้าเมืองมาคือคนที่ทะเยอทะยานเช่นตั๋งโต๊ะ และเมื่อ 10 ขันทีถูกกำจัด ตั๋งโต๊ะก็ได้โอกาสที่จะใช้กำลังทหารเข้าควบคุมราชสำนัก และทำการปลดฮ่องเต้ลงมาจากนั้นตั้งตันลิวอ๋อง องค์ชายรองที่มีอายุเพียง 9 ปีแต่มีลักษณะและสติปัญญาสูงกว่าขึ้นมาเป็นฮ่องเต้แทนนามพระเจ้าเหี้ยนเต้ ในขณะที่ตัวเองนั้นขึ้นกุมตำแหน่งผู้สำเร็จราชการและผู้บัญชาการสูงสุด มีอำนาจปกครองเหนือฮ่องเต้

เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมตั๋งโต๊ะจึงก่อการยึดอำนาจได้ง่ายขนาดนั้น

คนที่อ่านหนังสือสามก๊ก หรือยิ่งคนที่ดูหนังมาเวลาดูบทที่ตั๋งต๊ะโผล่มา จะเหมือนกับเจ้านี่เป็นตัวโง่ๆ ที่มีแต่ความทะเยอทะยาน ไม่ได้มีฝีมืออะไรเลย แต่อาศัยว่าได้ลูกน้องเก่งอย่างลิยูและลิโป้

ขอถามหน่อย ตามความเป็นจริงแล้ว คนอ้วนที่โง่ๆดูไร้น้ำยาเช่นนั้น จะร้ายกาจขนาสามารถบงการทหารนับแสนของเสเหลียงและสามารถยึดอำนาจได้โดยไม่เสียทหารสักคนเลยเชียวหรือ

พวกเราติดภาพพจน์ของตั๋งโต๊ะที่ดูอ้วน เอาแต่หนี ขี้ขลาด และไร้ฝีมือมากไปรึเปล่า

คำถามนี้เกิดกับผู้เขียนตอนที่อ่านสามก๊กรอบที่สาม....ว่าตอนที่ตั๋งโต๊ะทำการยึดอำนาจนั้น เหล่าแม่ทัพ ขุนนางที่ประจำในเมืองหลวงทำอะไรกันอยู่ ทำไมปล่อยให้ตั๋งโต๊ะเข้าเมืองมาและทำการได้ง่ายดายขนาดนั้น

ตามความเห็นส่วนตัวนะ ไม่ต้องเชื่อก็ได้ เพราะเคยมีคนทักมาว่า อย่าใส่ความเห็นตัวเองลงไปในบทความเลย แต่ก็อดไม่ได้ ดังนั้นขอสรุปความได้ว่า

-เหล่าเชื้อพระวงศ์และขุนนางในราชสำนักไม่ได้มีใจช่วยเหลือบ้านเมืองอย่างแท้จริง ตอนที่พระเจ้าเลนเต้บริหารงาน ไม่มีใครยอมออกมาต่อต้าน 10 ขันที หรือเตือนสติฮ่องเต้ เพราะกลัวอิทธิพล 10 ขันทีว่าจะมีภัยถึงตัว จนสุดท้ายสภาพก็เน่ามาถึงช่วงที่ตั๋งโต๊ะเข้ามา

-แม่ทัพขุนศึกในเมืองหลวงไร้สามารถ ไม่มีใครคิดต่อต้านกองทหารของตั๋งโต๊ะ ไม่ก็อ่อนแอเกินไป

-ความเบาปัญญาของผู้กุมอำนาจในเมืองหลวงอย่างโฮจิ๋น ที่เปิโอกาสให้ตั๋งโต๊ะได้เข้ามา

-ขุนนางในเมืองหลวงประมาทคนอย่างตั๋งโต๊ะมากไป

สำหรับความเห็นในข้อสุดท้ายนี่ต้องขอขยายสักหน่อย เพราะตั๋งโต๊ะนั้นเคยพ่ายแพ้แก่กลุ่มโจรผ้าเหลืองในพื้นที่รับผิดชอบของตนมาก่อน ดังนั้นแม้จะรู้ว่าจะมีเขากำลังทหารมาก เหล่าขุนนางในเมืองหลวงจึงไม่กลัวและไม่คาดคิดว่าตั๋งโต๊ะจะมาทำรัฐประหาร

แต่ตั๋งโต๊ะนั้นแพ้จริงหรือ.....กำลังทหารเสเหลียงที่ตั๋งโต๊ะเป็นแม่ทัพในครั้งที่ปะทะกับพวกผ้าเหลืองนั้น เป็นกองทัพม้าที่มีความแข็งแกร่งอย่างมาก แม้จำนวนจะน้อยกว่าแต่ก็ไม่แน่แพ้ได้ง่ายๆ และตั๋งโต๊ธตัวจริงในประวัติศาสตร์เมื่อดูจากประวัติในวัยเด็กนั้นก็พบว่าเข้าเป็นนักรบที่มีกำลังและความสามารถในเชิงยุทธ์สูงคนหนึ่ง จึงเป็นได้ไหมว่าตั๋งโต๊ะได้แกล้งทำทีเป็นแพ้ต่อพวกผ้าเหลือง เพื่อลวงให้คนในราชสำนักประมาทตนเอง

แต่ถ้าแบบนั้นจริงเท่ากับว่าเขาได้วางแผนหาโอกาสที่จะเข้ามายึดอำนาจในส่วนกลางตั้งแต่ตอนแรกแล้ว!!!


ความคิดนี้มีข้อสนับสนุนคือ.....กำลังทหารของตั๋งโต๊ะที่เขาได้นำมาจากเสเหลียงนั้นมีนับแสนทีเดียว ถ้าไม่มีการซ่องสุมกำลังไว้ล่วงหน้าหลายปี จะไม่มีทางกองกำลังได้มากขนาดนี้ แล้วยังมีความแข็งแกร่งซะด้วย

และตัวตั๋งโต๊ะที่เข้ามาในเมืองหลวงก็ปฏิบัติการได้รวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการปลดฮ่องเต้ และแต่งตั้งองค์ชายรอง หรือการให้กองทัพเข้ายึดจุดสำคัญในเมืองหลวง ทุกอย่างมันรวดเร็วชนิดที่เหล่าขุนนางในเมืองอย่างอ้วนเสี้ยว โจโฉ ต่างตั้งตัวไม่ทัน แบบนี้ถ้าไม่ได้เตรียมการไว้นานนับปีจะทำสำเร็จหรือ

ถ้าตั๋งโต๊ะเป็นตัวโง่ และขี้ขลาดอย่างที่เราเห็นในหนัง จะทำการใหญ่แบบนี้สำเร็จได้ในชั่วข้ามคืนรึไง เพราะถ้าไม่มีความเด็ดขาดพอ เขาจะเป็นผู้คุมกำลังทหารนับแสนได้รึไง ต้องอย่าลืมว่ากองทัพเสเหลียงของเขานั้นเป็นกองทหารที่ทำหน้าที่ป้องกันการรุกรานของศัตรูจากต่างชาติ ถ้าแม่ทัพไม่เก่ง ไม่กล้าหาญและเด็ดขาดจริง ผมขอบอกเลยว่าทำหน้าที่นี้ไม่ได้ ประวัติศาสตร์จีนที่ผ่านมาและนับจากนี้ไปได้บันทกไว้ชัดเจนว่าเหล่าขุนศึกที่ประจำตามชายแดนนั้นล้วนเป็นคนเก่งและกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว เช่น หลี่มู่ในยุคเลียดก๊ก ปานเชาในราชวงศ์ฮั่นตอนต้น หลี่จิ้งในราชวงศ์ถัง และอีกมากมาย

ตั๋งโต๊ะมีสายเลือดของคนจีนตอนเหนือ พวกนี้เป็นนักรบที่มีความอดทนและเก่งกาจ เนื่องจากอยู่ในแดนกันดาร คุณจะรู้สึกยังไงถ้าคุณเป็นทหารที่อยู่แถวชายแดนอันแร้นแค้นพบว่าพวกที่อยู่ในเมืองหลวงวันๆเอาแต่เสพสุข ไม่สนใจความทุกข์ของเหล่าทหารที่สู้ตายปกป้องประเทศอยู่ภายนอก ตั๋งโต๊ะคงรู้สึกเช่นนั้น และมีความคิดอยากล้มล้างราชสำนัก เพราะสภาพภายในตอนนั้นมันเน่าเฟะจริงๆ

การที่ตั๋งโต๊ะเข้ามาทำรัฐประหารในเมืองหลวงนั้นได้ทำให้เกิดความดีอย่างหนึ่งที่เราต่างมองข้ามไป นั่นคือการกวาดรากถอนโคนตัวต้นเหตุแห่งความฟอนเฟะในราชสำนัก เช่นเหล่าขุนนางขี้ฉ้อและกังฉิน แทบจะโดนปราบจนสูญสลายไปหมด เพียงแต่วิธีการของเขามันออกจะรุนแรงและโหดเหี้ยมผิดมนุษย์มนา

และความโหดเหี้ยมจนเกินคนนี้เองที่ได้กลบความดีส่วนนี้จนสูญสลายไปแทบจะมองไม่เห็นแม้แต่เศษเสี้ยว

ตั๋งโต๊ะและกองทหารของเขาทำตัวเหมือนคนเก็บกดที่ถึงเวลาระเบิด พวกเขาฉุดคร่าสตรีมากมาย ปล้นข้าวของประชาชน และขูดรีดเหล่าขุนนาง สร้างความเดือดร้อนจนเกิดแต่เสียงสาปแช่งไปทั่วเมืองหลวง

มีผู้คิดขัดขวางเขาบ้างเหมือนกัน แต่ก็ถูกสั่งประหารหมด เต็งหงวนเป็นผู้หนึ่งที่คิดขัดขวางเพราะเขามีเทพนักรบอย่างลิโป้เป็นบุตรบุญธรรม แต่ชายคนนี้ก็มักมากในลาภยศ ตั๋งโต๊ะเพียงมอบม้าเซ็กเธาว์และทองคำให้ เขาก็ยอมฆ่าพ่อบุญธรรมลงและมาอยู่เป็นลูกบุญธรรมของตั๋งโต๊ะแทน ซึ่งนับจากที่ได้ลิโป้มาอยู่ข้างกายแล้ว ตั๋งโต๊ะก็ยิ่งเหมือนพยัคฆ์ติดปีก ศัตรูทุกคนในเมืองหลวงล้วนถูกกำจัดลงอย่างง่ายดาย

อ้วนเสี้ยวผู้นำตระกูลอ้วนอันเป็นตระกูลใหญ่ในราชสำนักจำต้องถอนตัวออกไป เพื่อซ่องสุมกำลัง ส่วนอ้องอุ้นขุนนางใหญ่คิดแผนสังหารตั๋งโต๊ะจึงมอบกระบี่เจ็ดดาวให้โจโฉแต่เขาก็ทำการพลาดจึงหลบหนีไปอีกและได้ออกพระราชโองการปลอมให้เหล่าขุนศึกมารวมตัวกันเพื่อปราบกบฏ

เหล่าขุนศึก 18 มณฑลต่างตอบรับและเข้าร่วมในกองทัพพันธมิตรกวนตงโดยมีอ้วนเสี้ยวเป็นหัวหน้า จุดประสงค์คือล้มทรราชย์ตั๋งโต๊ะ แต่ในขุนศึกเหล่านั้นมีสักกี่คนกันที่คิดทำเพื่อชาติอย่างจริงใจ

พวกเขาขัดแย้งกันเองตั้งแต่แรกเริ่มจนจบ ผู้มีความสามารถและใจจะช่วยชาติอย่างแท้จริงในทัพพันธมิตรเองก็ถูกกลั่นแกล้งอันเป็นสภาพเดียวกับราชสำนักก่อนตั๋งโต๊ะจะเข้ามา เช่นซุนเกี๋ยนที่ถูกอ้วนสุดแกล้งไม่ส่งเสบียงให้จนรบแพ้ สามพี่น้องเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ที่ไม่ได้รับตำแหน่งและรางวัลให้สมจากผลงานที่รบชนะแม่ทัพมือซ้ายของตั๋งโต๊ะอย่างฮัวหยงและรบเสมอกับลิโป้จนต้องถอยไป

เรื่องคือการศึกครั้งใหญ่ของสองฝ่ายระเบิดขึ้นที่ด่านฮูเลา(กักพยัคฆ์) เริ่มแรกฝ่ายพันธมิตรเสียท่าเพราะทัพตั๋งโต๊ะได้ส่งฮัวหยงออกมาท้ารบและดวลชนะขุนพลของฝ่ายพันธมิตรไปหลายคน จนกระทั่งมาแพ้ให้กวนอู สถานการณ์จึงเริ่มดีขึ้น

เมื่อฮัวหยงพ่าย ลิโป้จึงออกมาดวลแทนและก็สังหารขุนพลฝ่ายพันธมิตรได้อีก เตียวหุยซึ่งเป็นเพียงทหารม้ามือธนูจึงขอออกรบและเสมอ กวนอู และเล่าปี่จึงตามมาสมทบ จนกลายเป็นศึกแจ้ฃเกิดให้พวกเขาสามพี่น้อง แต่เมื่อกลับมาแล้วกลับไม่ได้รับบำเหน็จรางวัลสมกับผลงาน

จากนั้นฝ่ายตั๋งโต๊ะได้ทำการเคลื่อนย้ายเมืองหลวงหนีไปอยู่ที่เมืองเตียงฮัน ซึ่งแผนนี้น่าจะได้คิดไว้แต่ตอนแรกแล้ว เมื่อสภาพของลั่วหยางนั้นอ่อนแอเกินกว่าจะป้องกันการรุกรานจากฝ่ายพันธมิตรได้ แต่ก่อนไปก็ต้องทำลายเมืองให้ย่อยยับก่อน เพื่อไม่ให้เหล่าขุนศึกของทัพพันธมิตรได้เมืองลั่วหยางเป็นฐานที่มั่น

การย้ายเมืองหลวงของตั๋งโต๊ะ ถ้าดูจากในหนังหรืออ่านจากหนังสือจะเหมือนง่าย แต่ความจริงแล้วมันต้องมีรายละเอียดขั้นตอนมากมาย ประชากรของลั่วหยางนั้นมีหลายแสนคน นอกจากนี้ตั๋งโต๊ะก็ไม่ได้ขนไปแค่ประชาชน แต่ยังมีองค์ฮ่องเต้ ขนทรัพย์สมบัติของพวกเศรษฐีและจากสุสานบรรพชนฮ่องเต้ไปด้วยมากมาย ที่สำคัญยังเป็นการย้ายเมืองในระหว่างที่ทัพพันธมิตรจ่อคอหอยอยู่ที่หน้าด่านฮูเลา ด้วยเหตุผลเหล่านี้ย้ายเมืองหลวงของตั๋งโต๊ะต้องมีการเตรียมการมาอย่างดี

ในระหว่างที่ตั๋งโต๊ะย้ายเมือง เขากลับไม่กังวลว่าจะถูกทัพพันธมิตรไล่ล่า เพราะอะไรรึ...เนื่องจากเขามองออกว่าเหล่าขุนศึกพันธมิตรไม่ได้สามัคคีกันอย่างที่เห็น ที่พวกเขามารวมตัวกันส่วนใหญ่เพื่อสร้างภาพให้ตนเองว่าทำเพื่อประชาชนเท่านั้น หลักฐานคือเมื่อตั๋งโต๊ะเคลื่อนพลออกไปจากเมืองหลวง แทนพันธมิตรจะไล่ตี พวกเขากลับเลือกที่จะตั้งมั่นอยู่หน้าเมืองและจัดงานฉลองความสำเร็จกันยกใหญ่

โจโฉในฐานะเลขาธิการกองทัพเสนอให้นำทัพไล่ตาม แต่เมื่อไม่ได้รับการตอบสนองจึงนำทหาร 5 พันคนตามไปโดยลำพังและพ่ายแพ้กลับมา ซึ่งเมื่อกลับมาถึงโจโฉก็ได้รับการเลี้ยงปลอบใจ โจโฉทนไม่ไหวลุกขึ้นด่ากราดกลางที่ประชุมแล้วแยกตัวไป

ส่วนซุนเกี๋ยนที่เข้าเมืองหลวงไปนั้นได้ทำการบูรณะเมืองขึ้นมาใหม่ และยังแจกจ่ายเสบียงอาหารแก่ประชาชนทำให้ได้รับความเลื่อมใสมาก แต่เผอิญว่าเขาขุดพบตราหยกลัญจกรที่หายไป จึงตัดสินใจจะตั้งตนเป็นใหญ่และยกทัพกลับไปอีก และเพราะเขายังเจ็บใจอ้วนสุดไม่หายที่ไม่ยอมจ่ายเสบียงให้จนต้องพ่ายแพ้

โจโฉ ซุนเกี๋ยน คนเก่งสองคนที่พยายามทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริงได้ผละจากไปด้วยความน้อยใจในพันธมิตร และเมื่อเหล่าขุนศึกในพันธมิตรได้แตกแยกกันเองสุดท้ายจงต้องแยกย้ายกันไป ซึ่งเรื่องนี้ลิยูกุนซือของตั๋งโต๊ะคาดการณ์ไว้ก่อนแล้ว

เมื่อมาอยู่ที่เตียงฮันแล้วตั๋งโต๊ะก็เข้มแข็งขึ้นจนยากที่จะหาคนปราบ เขาใช้เวลาหมดไปกับการเสพกามหาความสุขอย่างเกินพอดีและสังหารผู้ต่อต้านอย่างทารุณ ภายใต้การปกครองของเขาราชสนักแทบจะเป็นนรกภูมิ

แต่แล้วก็เกิดเหตุสะเทือนแผ่นดินอีกครั้งจากสตรีผู้หนึ่ง

อ้องอุ้นขุนนางผู้เคยคิดสังหารตั๋งโต๊ะซึ่งตอนนี้เป็นที่ปรึกษาชั้นผู้ใหญ่ ได้ส่งเตียวเสี้ยนบุตรสาวบุญธรรมเข้าวัง หวังจะให้ใชเสน่ห์ยั่วยวนจนตั๋งโต๊ะและลิโป้ต้องผิดใจกัน หลังจากนั้นค่อยาทางยุให้ลิโป้สังหารตั๋งโต๊ะ (รายละเอียดอ่านได้จากเรื่องเตียวเสี้ยน)

แต่เตียวเสี้ยนเป็นเพียงแค่เรื่องแต่งของหลอก้วนจงผู้แต่งนิยายาสามก๊ก นางเป็นสตรีที่ไร้ตัวตนจริงในประวัติศาสตร์จีน แต่เพราะหลอก้วนจงเห็นว่าลิโป้เป็นนักรบหนุ่มรูปหล่อ จึงต้องการจะสร้างสตรีงดงามให้มาเล่นบทรักด้วย

ถ้าอย่างนั้นแล้ว ความจริงตั๋งโต๊ะกับลิโป้ผิดใจกันเรื่องอะไร.....ตอบได้ไม่ยาก อำนาจไง

ลิโป้เป็นคนโลภมาก และทะเยอทะยาน เขาเคยสังหารพ่อบุญธรรมของตนมาแล้ว ทำไมเขาจะสังหารอีกคนไม่ได้ ที่สำคัญพวกเขายังเหมือนกันนั่นคือมักมากในกาม แน่นอนว่าต้องมีการผิดใจเรื่องผู้หญิง และทรัพย์สมบัติทั้งหลาย

ตั๋งโต๊ะนั้นเป็นคนอารมณ์รุนแรง ลิโป้เมื่องต้องอยู่ไปนานๆเข้าก็น่าที่จะเริ่มทนไม่ไหว นอกจากนี้ด้วยการยุของอ้องอุ้น ลิโป้ผู้ซึ่งไร้จุดยืนของตัวเองก็น่าจะคล้อยตามได้ไม่ยาก

อ้องอุ้นกับลิโป้ร่วมกันวางแผนหลายชั้น ด้วยการดึงลิซกซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกับลิโป้มาเข้าพวกทำให้ได้กำลังทหารมาส่วนหนึ่ง จากนั้นกีดกันลิฉุย กุยกี และแม่ทัพคนสนิททั้งหมดของตั๋งโต๊ะออกไปจากส่วนกลางของเตียงฮัน และให้ฮ่องเต้ออกพระราชโองการเรียกตัวตั๋งโต๊ะเข้าวังโดยอ้างว่าจะยกบัลลังก์ให้

ตั๋งโต๊ะหลงกลเข้ามาภายในวังโดยไม่รู้ว่าลิโป้ได้ซุ่มทหารเอาไว้ และเมื่อถึงเวลาเหมาะก็เข้าสังหารตั๋งโต๊ะในทันที จบชีวิตของจอมทรราชย์ลงในค.ศ. 192 เดือน 4

ศพของตั๋งโต๊ะถูกนำไปเผาประจานที่กลางเมือง และปรากฏว่าการตายของเขาได้ทำให้เกิดเชื้อกามโรคแพร่ไปทั่วเมืองหลวง

แต่ลิโป้เองก็กุมอำนาจไม่นานและถูกลิฉุยกุยกีนำกำลังทหารจากนอกเมืองเข้ามาตีจนต้องถอยหนีไป เป็นการเริ่มยุคแห่งการแย่งชิงอำนาจของเหล่าขุนศึกหรือกลียุคที่แท้จริงอันจะยาวนานไปอีกกว่า 50 ปี

ว่ากันว่าตอนที่ศพของตั๋งโต๊ะตั้งอยู่กลางเมืองนั้นได้มีคนผู้หนึ่งร้องไห้ให้เขานั่นคือชัวหยง ซึ่งเป็นขุนนางที่ได้ชื่อว่ามีคุณธรรมเป็นที่นิยมของผู้คนและมีความสามารถในด้านการเขียน การที่เขาร้องไห้ให้ตั๋งโต๊ะเพราะซัวหยงเป็นขุนนางที่โดนกีดกันและไม่ได้โอกาสรับใช้บ้านเมืองในสมัย 10 ขันที แต่ในยุคตั๋งโต๊ะ เขาได้รับโอกาสในการทำงานรับใช้ราชสำนัก ดังนั้นซัวหยงจึงนึกถึงบุญคุณที่ตั๋งโต๊ะทำให้

อ้องอุ้นไม่พอใจที่มีคนนึกถึงความดีของตั๋งโต๊ะจึงสั่งประหารซัวหยงเสีย ซึ่งการตายของเขามันทำให้เห็นอะไรบางอย่างได้ว่า....

คนเราทุกคนไม่มีใครจะดีหรือเลวไปหมด ทุกคนย่อมมีส่วนดีและส่วนเลวอยู่รวมกันเพียงแต่จะมีมากน้อยแค่ไหน และผู้คนจะจดจำส่วนไหนของเขามากกว่ากัน

ยังไงก็ขอยืนยันคำนี้ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น