วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555

ประวัติ ซุนฮก เหวินยื่อ

ประวัติ ซุนฮก เหวินยื่อ
ซุนฮก ชื่อรอง เหวินยื่อ เกิดเมื่อปี ค.ศ. 163 เป็นทายาทตระกูลใหญ่แห่งเมืองอิ้นชวน ซึ่งตระกูลซุนนี้เป็นคนละซุนกับของซุนเกี๋ยนอันเป็นทายาทของซุนหวู่และเป็นใหญ่ในภาคใต้
ในวัยเด็กเขาได้นับการศึกษาที่ดีสมกับเป็นคนในตระกูลใหญ่อีกทั้งยังได้เรียนรู้จารีตและหลักการตามแบบของลัทธิขงจื๊ออีกด้วย ด้วยเหตุนี้เขาจึงเป็นสุภาพชนคนหนึ่งที่มีทั้งการศึกษาและความประพฤติตัวดีเยี่ยม เมื่อเติบโตเป็นวัยรุ่นเขาได้สอบเข้ารับราชการ และได้รับตำแหน่งผู้ดูแลพระราชสำนัก
ต่อมาไม่นานนัก ได้เกิดกบฏโพกผ้าเหลืองขึ้นและเกิดการจลาจลไปทั่วแผ่นดิน ซุนฮกจึงเป็นคนหนึ่งที่ได้เห็นความวุ่นวายของบ้านเมือง รวมถึงความเหลวแหลกของราชวงศ์ฮั่น และนั่นคงเป็นจุดเริ่มที่ทำให้เขาต้องการทำงานรับใช้ชาติเพื่อฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่น
ต่อมาเพื่อผลประโยชน์ของตระกูล เขาจำต้องไปขออาศัยอยู่กับฮันฮกผู้เป็นข้าหลวงเมืองกิจิ๋ว ซึ่งภายหลังได้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของอ้วนเสี้ยว
เขาจึงได้ทำงานอยู่กับอ้วนเสี้ยวอยู่ระยะเวลาหนึ่งและได้พบว่าคนอย่างอ้วนเสี้ยวเป็นคนโลเล ใจคอคับแคบไม่อาจทำการใหญ่ได้ พอดีกับที่ช่วงนั้นโจโฉเริ่มผงาดขึ้นมามีอำนาจทางภาคกลางและได้เป็นเจ้าเมืองกุนจิ๋ว ซุนฮกจึงผละจากอ้วนเสี้ยวไปอยู่กับโจโฉแทน
เมื่อซุนฮกมาอยู่กับโจโฉ เขาได้รับการยกย่องอย่างสูงและไว้ใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการบริหารกองทัพ เขามีบทบาทสำคัญมากในการช่วยเหลือโจโฉวางฐานที่มั่นขึ้น จนทัพภายหลังกองทัพของโจโฉได้กลายเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดของภาคกลางเท่าเทียมกับอ้วนเสี้ยวที่เป็นใหญ่ทางภาคเหนือ
ซุนฮกนั้นไม่ได้มีจุดเด่นอยู่ที่การวางแผนพิศดารเพื่อเอาชนะทัพข้าศึกที่ตั้งประจันตรงหน้า แต่ความสามารถของเขาที่โจโฉนั้นมองออกและได้ดึงเอามาใช้ได้อย่างยอดเยี่ยมก็คือการกำหนดแผนการรบในระยะยาวทั้งการมองภาพรวมและสถาการณ์ต่างๆโดยละเอียด และสามารถนำมากำหนดเป็นกลยุทธ์ที่จะใช้ในการพิชิตศึกได้
หลังจากที่ซุนฮกมาอยู่กับโจโฉได้แค่ปีเดียวนั้น โจโฉก็นำทัพบุกทางทิศตะวันออกเพื่อจัดการกับโตเกี๋ยมเจ้าเมืองชีจิ๋ว เหตุเพราะลูกน้องของโตเกี๋ยมได้ทำให้โจโก๋พ่อของเขาต้องตายลงในระหว่างที่กำลังเดินทางมาเมืองกุนจิ๋วของตน
ซุนฮกได้รับหน้าที่ให้อยู่เฝ้ามณฑลกุนจิ๋วและหัวเมืองอื่นโดยรอบ ซึ่งในตอนนั้นเองลิโป้ที่กำลังไร้ฐานที่มั่นและเป็นกลายเป็นขุนศึกพเนจรได้นำกำลังพลนำหมื่นบุกมาหมายจะตลบชิงเอากุนจิ๋วในระหว่างที่โจโฉไม่อยู่
ซึ่งหากว่าต้องเสียกุนจิ๋วไปล่ะก็ โจโฉก็จะขาดที่มั่น ซุนฮกกับเทียหยกที่ปรึกษาอีกคนของโจโฉที่อยู่เฝ้าเมืองเช่นกัน จึงร่วมกันวางแผนประสานสู้ตายกับลิโป้โดยจัดกำลังป้องกันอย่างเข็มแข็ง โดยสุดท้ายก็ต้องเสียเมืองเอียงจิ๋วซึ่งเป็นฐานที่มั่นที่สำคัญไป แต่ก็สามารถป้องกันหัวเมืองที่สำคัญได้ถึง 3 หัวเมือง
ซึ่งนี่เป็นการทำให้โจโฉยังคงสามารถยืนหยัดอยู่ได้ในแผ่นดิน เพราะหากต้องสูญเสียเมืองเหล่านี้ไปจนหมดล่ะก็ โจโฉก็จะหมดฐานที่มั่นที่จะใช้ก่อการใหญ่ได้อีก ผลงานครั้งนี้ของซุนฮกจึงถือเป็นผลงานชิ้นสำคัญทีเดียว
เมื่อเสียเอียงจิ๋วไปแล้ว โจโฉนั้นคิดจะย้อนกลับไปตีชีจิ๋วของโตเกี๋ยมอีกครั้ง แต่ซุนฮกแนะว่าควรจะกลับไปยึดเอาเอียงจิ๋วคืนมาก่อน เพราะซุนฮกนั้นถือว่าเอียงจิ๋วเป็นเสมือนบ้านของโจโฉ หากสูญเสียบ้านที่เป็นรากฐานเดิมไป การจะขยายอิทธิพลให้เข้มแข็งต่อไปย่อมเป็นไปได้ยาก ซึ่งโจโฉก็รับเอาแผนนี้ของซุนฮกไปทำตาม
และไม่นานนักโจโฉก็สามารถยึดเอาเมืองเอียงจิ๋วคืนจากลิโป้ได้และส่งผลให้ลิโป้กลายเป็นขุนศึกพเนจรอีกครั้ง ซึ่งหากการครั้งแรกนั้นซุนฮกไม่สามารถป้องกันเมืองที่เหลือไว้ได้ล่ะก็ โจโฉคงจะไม่มีโอกาสเอาคืนเช่นนี้ได้แน่นอน
และการกลับมาตีเอาเอียงจิ๋วคืนครั้งนี้ก็ได้ส่งผลในภายหลังที่ทำให้โจโฉมีฐานที่มั่นที่มั่นคงและแข็งแกร่งที่สามารถขยายอิทธิพลออกไปได้กว้างไกล ซึ่งหากไม่ใช่เพราะคำแนะนำของซุนฮกแล้วล่ะก็ โจโฉคงมิอาจจะทำได้เช่นนี้
ในช่วงนั้นเองเหล่าขุนศึกในแดนตงง้วนต่างก็มุ่งแต่จะสู้รบแย่งชิงอำนาจกันโดยไม่ได้สนใจในตัวฮ่องเต้ที่กำลังลอยละล่องหนีจากการตามล่าของลูกสมุนของตั๋งโต๊ะที่เหลืออยู่อย่างลิฉุยและกุยกี
ซุนฮกเป็นคนที่แนะนำให้โจโฉรับเอาตัวฮ่องเต้ไว้ โดยไม่ให้ขุนศึกชิงตัดหน้าไปก่อน เพราะหากได้ฮ่อเต้มาอยู่ในมือจะได้รับผลประโยชน์อย่างใหญ่หลวง ซึ่งโจโฉก็ทำตามอีก
โจโฉรับเอาฮ่องเต้มาอยู่กับตนและจัดการถล่มลิฉุยและกุยกีจนกระจุยเป็นการแสดงให้เห็นถึงประสิทธิกองทัพทำให้ฮ่องเต้ยอมไว้พระทัยไปอยู่กับโจโฉที่เมืองฮูโต๋ซึ่งเป็นเมืองหลวงใหม่ที่โจโฉได้สร้างเตรียมไว้แทนที่เมืองลกเอี๋ยงซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าที่ได้ถูกเผาทำลายจนไม่เหลือสภาพในยุคของตั๋งโต๊ะ
การรับเอาฮ่องเต้มาอยู่ด้วยนั้นส่งผลอย่างมากในภายหลังจริงๆ เพาะโจโฉสามารถที่จะใช้พระราชโองการของฮ่องเต้ในการบัญชาเหล่าขุนศึกทั่วแผ่นดินและสร้างความชอบธรรมให้กับตนเองได้ ซึ่งในภายหลังสิ่งนี้ได้เป็นฐานให้โจผีบุตรของโจโฉใช้ในการโค่นล้มราชวงศ์ฮั่นและขึนครองบัลลังก์ได้สำเร็จ
จากนั้นซุนฮกก็ได้ช่วยเหลือโจโฉในการสร้างให้เมืองฮูโต๋กลายเป็นปราการที่แข็งแกร่งและช่วยโจโฉในการขยายอิทธิพลตามลำดับ ด้วยความชอบนี้ทำให้โจโฉถวายฎีกาแก่ฮ่องเต้ให้แต่งตั้งซุนฮกเป็นที่ปรึกษาและเจ้ากรมอาลักษณ์แห่งราชสำนัก ซึ่งซุนฮกก็ไม่ทำให้ผิดหวังเมื่อช่วยวางแผนให้โจโฉสามารถปราบปรามอ้วนสุดที่ตั้วตัวเองเป็นฮ่องเต้ปลอมจนต้องถอยร่นลงไปทางใต้
จากนั้นเขาก็เสนอให้โจโฉบุกปราบปรามเตียวสิ้ว และลิโป้ เมื่อสามารถรวบรวมภาคกลางได้แล้วเป้าหมายต่อไปก็คืออ้วนเสี้ยวที่กำลังเป็นใหญ่อยู่ทางภาคเหนือ
ในศึกระหว่างโจโฉกับอ้วนเสี้ยวนั้นได้ตัดสินผลแพ้ชนะกันที่อำเภอกัวต๋อ ศึกนี้จึงถูกเรียกว่า สงครามกัวต๋อซึ่งผลจากศึกนี้ได้ทำให้โจโฉกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งภาคกลางและภาคเหนือแต่เพียงผู้เดียว
แต่กว่าที่จะชนะอ้วนเสี้ยวได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะกำลังพลของอ้วนเสี้ยวนั้นมีมากมายมหาศาลกว่าของโจโฉมาก ว่ากันว่าในการต้านยันกันที่กัวต๋อนั้น ทัพทั้ง 2 ฝ่ายตั้งประจันโดยทัพของอ้วนเสี้ยวที่มีกำลังพลมากกว่าหลายเท่านั้นได้ระดมยิงธนูเป็นห่าฝนใส่กองทัพของโจโฉจนแทบจะไม่มีโอกาสโงหัวขึ้น จนตัวโจโฉนั้นเคยคิดที่จะถอนทัพกลับเหมือนกัน
แต่ซุนฮกซึ่งอยู่รักษาการที่ฮูโต๋นั้นได้ส่งจดหมายแนะนำโจโฉว่าห้ามถอยเด็ดขาด และให้รอความเปลี่ยนแปลงเพราะหากชนะอ้วนเสี้ยวที่นี่ได้ ก็จะส่งผลในระยะยาวที่จะทำให้โจโฉกลายเป็นผู้นำในดินแดนทางภาคเหนือและกลางได้
สุดท้ายก็เกิดความเปลี่ยนแปลงจริงๆ เพราะเมื่อการโจมตีดุจห่าฝนไม่ได้ผล ในกองทัพของอ้วนเสี้ยวก็เกิดความขัดแย้งกันเองในหมู่ที่ปรึกษา
เหตุมาจากว่าโจโฉได้ส่งหนังสือไปขอเสบียงเพิ่มเติมจากเมืองหลวง แต่ระหว่างทางถูกคนของเขาฮิวที่ปรึกษาคนสำคัญของอ้วนเสี้ยวดักสกัดได้
เขาฮิวจึงมั่นใจว่าในกองทัพของโจโฉนั้นกำลังขาดแคลนเสบียงอย่างมาก จึงเสนอแนะให้อ้วนเสี้ยวแบ่งกองทัพเป็น 2 ทาง ทางหนึ่งบุกโจมตีเมืองฮูโต๋อีกทางให้บุกกัวต๋อ ให้โจโฉไม่อาจรับศึกทั้ง 2 ด้าน เช่นนี้ก็จะเอาชัยต่อโจโฉได้
แต่อ้วนเสี้ยวกลับหัวเราะเยาะดูถูกหาว่าเป็นความคิดเหลวไหล และบอกว่านี่เป็นกลลวงของโจโฉที่หลอกให้เราหลงเชื่อต่างหาก
เขาฮิวรู้สึกผิดหวัง และเข้าใจว่าที่แท้อ้วนเสี้ยวเป็นคนเช่นไร จึงตัดสินใจแปรพักตร์ไปอยู่กับโจโฉ ซึ่งที่เป็นเช่นนี้เพราะตัวเขาเองก็เคยรู้จักมักคุ้นกับโจโฉมาก่อนบ้างแล้ว
เมื่อเขาฮิวไปอยู่กับโจโฉก็ได้บอกตำแหน่งกองเสบียงของอ้วนเสี้ยวให้โจโฉรู้ และเสนอแนะให้เผาทำลายเสีย ซึ่งโจโฉได้ทำตามส่งผลให้สามารถเอาชัยชนะในศึกกัวต๋อได้ และเมื่อโจโฉรุกคืบต่อไปยังเมืองกิจิ๋วซึ่งเป็นฐานที่มั่นสำคัญของอ้วนเสี้ยว เขาฮิวก็เสนอแผนทดน้ำให้ท่วมเมืองทำให้โจโฉสามารถยึดฐานกำลังที่สำคัญที่สุดของอ้วนเสี้ยวซึ่งผลให้สามารถเอาชัยชนะเหนืออ้วนเสี้ยวได้อย่างเด็ดขาดจนตระกูลอ้วนไม่อาจกลับมาผงาดได้อีกในภายหลัง
จุดเริ่มของชัยชนะในภายหลังทั้งหมดนั้นมาจากคำแนะนำของซุนฮกที่ให้โจโฉตั้งยันทัพของอ้วนเสี้ยวที่กัวต๋อต่อไปจริงๆ
นี่คือความสามารถของซุนฮกในการมองการณ์ไกลและสถานการณ์โดยรวมของแผ่นดินที่เขามีอยู่ในตัว เขาสามารถอ่านข้าศึกที่อยู่ไกลนับพันลี้ได้ทะลุและยังมองถึงสภาพของแผ่นดินในอนาคตได้อย่างแม่นยำ ซึ่งในบรรดาที่ปรึกษาจำนวนมากมายของโจโฉที่มีสติปัญญาล้ำเลิศนั้น มีซุนฮกเท่านั้นที่เปี่ยมด้วยความสามารถด้านนี้
นอกจากนี้เขายังได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีจิตใจยึดมั่นในคุณธรรมและภักดีต่อราชวงศ์ฮั่นอย่างสูง บรรดานักปราชญ์ บัณฑิต ซึ่งภักดีต่อราชวงศ์จึงให้ความเคารพยกย่องเขาอย่างมาก และก็เพราะมีเขาอยู่ดูแลในราชสำนักฺฮั่น บ้านเมืองภายในการปกครองของโจโฉจึงมั่นคงยิ่ง
เมื่อโจโฉปราบปรามภาคเหนือและกลางได้ราบคาบ เขาก็ตัดสินใจกรีฑททัพลงใต้เพื่อจะรวบรวมประเทศให้เป็นปึกแผ่น ซุนฮกก็ยังคงทำหน้าที่รักษาการอยู่ที่ฮูโต๋เช่นเดิม
จนเมื่อไปพ่ายศึกที่เซ็กเพ๊ก กองทัพของโจโฉได้ถอนกลับมายังภาคกลาง แต่ก็ยังคงมุ่งหวังจะบุกกังหนำอีก จึงมุ่งเป้าไปที่หับป๋าแทน แม้จะไม่สำเร็จทั้งสองครั้ง แต่ก็ไม่มีผลกระทบอันใดกับกิจการภายใน เพราะซุนฮกได้ดูแลหลังบ้านให้แก่โจโฉอย่างดี และเป็นการวางรากฐานในการสร้างวุยก๊กให้ยิ่งใหญ่ขึ้นมาในภายหลัง
ช่วงเวลานั้น โจโฉได้กลายเป็นผู้ที่มีอำนาจเหนือดินแดนทางเหนือและกลางอย่างแท้จริง ยศตำแหน่งที่โจโฉมีอยู่ตอนนั้นก็คือมหาอุปราชนั้นก็เป็นตำแหน่งสูงสุดที่เป็นรองเพียงฮ่องเต้เท่านั้น แต่อำนาจการทหารและการบริหารบ้านเมืองทั้งหมดก็อยู่ในมือเขาอย่างเต็มเปี่ยม
แต่โจโฉไม่ได้พอใจแค่นั้น ตัวเขาต้องการมากกว่านั้นอีก ซึ่งเหล่าขุนนางที่ปรึกษาหลายคนต่างก็รู้ดี เหล่าที่ปรึกษาที่มีตังเจียวเป็นหัวเรือใหญ่จึงได้เสนอให้โจโฉรับเครื่องอิสริยยศนววิธพระราชทาน เลื่อนฐานันดรศักดิ์เป็นวุยก๋ง (สมเด็จเจ้าพระยาวุย) ซึ่งตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งสูงสุดที่ผู้เป็นสามัญชนคนทั่วไปไม่มีทางจะได้รับ แม้แต่เชื้อพระวงศ์ใกล้ชิดซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีใครได้รับมาก่อน
เรียกได้ว่าหากมีการเลื่อนตำแหน่งให้โจโฉครั้งต่อไปล่ะก็ เขาคงต้องเป็นฮ่องเต้ซะเอง
ซุนฮกไม่เห็นด้วยกับการนี้ เขาเห็นว่าวิญญูชนนั้นรักและนับถือผู้มีคุณธรรม หากโจโฉทำเช่นนี้จะเป็นการทำให้โจโฉก้าวล้ำเส้นเกินไปและจะไม่ใช่ขุนนางผู้ดีงามอีก จึงทักท้วงการรับตำแหน่งในครั้งนี้ของโจโฉ
จากกระทำในครั้งนี้ของเขาจะเห็นได้ว่า ซุนฮอกนั้นแท้จริงแล้วเป็นขุนนางผู้มีความยึดมั่นและจงรักภักดีต่อราชวงศ์ฮั่น เหตุที่เขารับใช้โจโฉ เพราะเห็นว่าโจโฉนั้นสามารถที่จะฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่นได้ ซึ่งที่ผ่านมาโจโฉก็ได้ทำมาอย่างดีมาตลอด
ตามจริงแล้วเดิมทีตัวโจโฉนั้นคงไม่คิดจะได้ต้องการเป็นใหญ่เหนือฮ่องเต้แต่อย่างใด ดูจากการที่เขาไม่ยอมปลดฮ่องเต้ลงจากบัลลังก์และยังปกครองบ้านเมืองด้วยความสงบเรียบร้อยอย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ช่วงแรกที่เขารับฮ่องเต้มาอยู่ด้วยนั้น เขากับฮ่องเต้ก็มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาตลอด จะมาเกิดรอยร้าวฉานก็ครั้งที่ตังสินซึ่งเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่เป็นผู้แนะนำฮ่องเต้ให้สังหารโจโฉนั่นเอง
แต่พอคนเราอยู่ในอำนาจสูงสุดนานๆเข้ามันก็มีบ้างที่จะเกิดเปลี่ยนแปลง และเกิดลุ่มหลงในอำนาจนั้นขึ้นมา ซึ่งในประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะชาติไหนๆล้วนมีตัวอย่างในเรื่องอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเตียวคังเอี๋ยนปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ซ่งซึ่งเดิมทีก็ไม่คิดจะเป็นใหญ่มากกว่าที่เป็นอยู่แต่เมื่อมีคนสนับสนุนให้ขึ้นครองบัลลังก์แทนกษัตริย์องค์เดิมเขาก็ยอมทำตามหรือหลิวปังที่เดิมทีคิดเพียงขจัดภัยให้แผ่นดินด้วยการปราบราชวงศ์ฉินเท่านั้นแต่สุดท้ายก็เกิดความอยากในอำนาจและขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฮั่น
กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนในประวัติศาสตร์ล้วนแล้วแต่เป็นเช่นนี้กันทั้งนั้น แล้วทำไมโจโฉจะเป็นเช่นนั้นไม่ได้
ซุนฮกนั้นทัดทานโจโฉเพราะไม่ต้องการเห็นโจโฉกลายเป็นขุนนางผู้ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ว่าชั่วช้าและคิดคดต่อแผ่นดิน
แต่การกระทำนั้นส่งผลร้ายต่อตัวซุนฮกเอง เมื่อโจโฉไม่พอใจอย่างมากและนับแต่นั้นซุนฮกก็เข้าหน้าโจโฉไม่ค่อยติด ทำให้เขาเสียใจมากจนเขาต้องแกล้งป่วยอยู่กับบ้านไม่ออกรับราชการ
ต่อมาเมื่อโจโฉกรีฑาทัพใหญ่ลงใต้เพื่อปราบซุนกวนอีกครั้ง โดยเขาสั่งให้ซุนฮกอยู่เฝ้าที่เมืองหลวง จากนั้นใช้ให้คนส่งขนมไปให้กล่องหนึ่ง เมื่อซุนฮกเปิดออกดูก็พบว่าภายในกล่องว่างเปล่าไม่มีสิ่งของใดเลย
ซุนฮกเข้าใจในเจตนาของโจโฉ ดังนั้นจึงดื่มยาพิษปลิดชีพตนเองตาย
เมื่อซุนฮกตายลง โจโฉก็เลี้ยงดูครอบครัวของซุนฮกอย่างดีและภายหลังก็แต่งตั้งให้ลูกชายของเขาเป็นขุนนาง
จุดจบของซุนฮกนั้นเป็นอุทาหรณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่ง
ผมไม่ทราบหรอกว่าที่ซุนฮกเลือกมารับใช้โจโฉนั้นเป็นเพราะอะไร เพราะของแบบนี้บางครั้งมันก็ไม่มีเหตุผลที่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
เหมือนอย่างที่ทำไมกวนอู เตียวหุยถึงภักดีต่อเล่าปี่แม้ว่าจะลำบากขนาดไหน และทำไมจิวยี่ถึงภักดีต่อตระกูลซุนจนวันตาย
ก็เช่นเดียวกัน ซุนฮกภักดีต่อโจโฉแม้โจโฉจะไม่ต้องการใช้เขาอีกแล้วเขาก็เลือกที่จะตาย โดยไม่คิดจะไปรับใช้เล่าปี่หรือซุนกวน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น