ประวัติสามก๊ก เคาทู ต้งคัง
ในยุคสามก๊ก เหล่าขุนศึกผู้นำนั้นนอกจากจะต้องมียอดขุนพลที่เก่งกล้าในการรบ กุนซือที่วางแผนดุจเทวดาแล้ว บุคลากรที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งอีกหนึ่งซึ่งเปรียบเสมือนแขนขาและต้องคอยอยู่ข้างกายของขุนศึกนั้นก็คือ นายทหารในตำแหน่งองครักษ์
ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านๆมา นายทหารตำแหน่งนี้มิได้สูงส่งอะไรมากมาย ยศนั้นเมื่อเทียบกับเหล่าแม่ทัพ ขุนพล และกุนซือแล้วก็ยังถือว่าเป็นรองมาก หากแต่ผู้ที่ดำรงตำแหน่งนี้กลับต้องมีพร้อมในความสามารถ โดยเฉพาะความสามารถในเชิงยุทธ ที่จำต้องสูงถึงขั้นสุดยอด
และสิ่งสำคัญอกสิ่งหนึ่งที่เจ้านายต้องการจากนายทหารตำแหน่งนี้คือ ความซื่อสัตย์ ภักดี และพร้อมจะยอมตายเพื่อปกป้องเจ้านายได้ทุกเวลา
ในสามก๊กนั้น เหล่าผู้นำทั้งสามต่างก็มีคนที่ว่านี้อยู่เช่นกัน ชีวิตของพวกเขาจึงรอดปลอดภัยจากอันตรายมานับครั้งไม่ถ้วน
เล่าปี่มีจูล่ง ซุนกวนมีจิวท่าย เล่งทอง ส่วนโจโฉนั้นมีเตียนอุย และเคาทู
ครั้งนี้ขอพูดถึงเคาทู ยอดนายพลทหารเสือองครักษ์ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่เก่งกล้าและทรงพลังที่สุดในวุยก๊ก
ประวัติโดยย่อ
เคาทู ชื่อรองคือต้งคังเป็นชาวอำเภอเจียว ในหนังสือบรรยายว่าร่างสูง 8 เซียะกว่า มีพละกำลังมหาศาลมาตั้งแต่วัยหนุ่ม เดิมเขาเป็นชาวบ้านที่ถูกพวกโจรผ้าเหลืองบุกโจมตี ดังนั้นเขาจึงรวบรวมชายฉกรรจ์ได้พันคนก่อตั้งเป็นกองกำลังชาวบ้านขึ้นสู้กับพวกโจรผ้าเหลือง
ครั้งหนึ่งโจรผ้าเหลืองจำนวนนับหมื่นบุกมาโจมตีหมู่บ้านของเขา เคาทูนั้นรู้ดีว่ากำลังคนน้อยกว่ามากยากจะต้านทาน เขาจึงรวมพลังสู้ตาย ในการศึกเมื่อใช้ลูกธนูไปจนหมดเขาก็บัญชาการให้ใช้ก้อนหินศิลาใช้ขว้างแทนเป็นอาวุธ โดยใช้สร้างเชิงเทินเป็นแนวป้องกันหมู่บ้าน ต่อมาเมื่อนานๆเข้าเสีบยงชาวบ้านใกล้หมด เคาทูจึงจึงแสร้งเจรจาขอหย่าศึก โดยใช้วัวแลกอาหาร เขารอจนข้าศึกจูงวัวกลับ ก็ส่งสัญญาณให้วัววิ่งกลับมา แล้วเคาทูก็วิ่งออกมาหน้าสนามรบใช้มือเดียวฉุดหางวัววิ่งไปร้อยกว่าก้าว ทำให้บรรดาโจรต่างหวาดกลัว และไม่กล้ามาตอแยอีก ชื่อของเคาทูจึงโด่งดังไปทั่วบริเวณ เป็นที่เกรงขามของเหล่าโจร
ภายหลังโจโฉได้ออกตรวจตราแถวเมืองลื่อน้ำ โดยมีเตียนอุยเป็นแนวหน้าออกลาดตระเวน เขาได้บังเอิญพบกับโจรผ้าเหลืองกลุ่มหนึ่ง จึงคิดจะจัดการแต่กลับถูกเคาทูชิงตัดหน้า สองเสือเมื่อเจอกันเป็นครั้งแรกจึงเกิดความฮึกเหิมเข้าฟัดกันครั้งใหญ่ ผลคือเตียนอุยยอดขุนพลผู้สามารถฆ่าเสือด้วยมือเปล่ากลับทำได้เพียงสู้เสมอกับเคาทูเท่านั้น โจโฉเห็นแล้วประทับใจในความเก่งกาจจึงเกลี้ยกล่อมเคาทูเข้ามาเป็นพวก ตัวเคาทูนั้นเคยได้ยินชื่อเสียงของโจโฉและยอมรับนับถือในท่าทีของเขาจึงยอมเข้าร่วมด้วย และรับหน้าที่เป็นองครักษ์อันดับสองของโจโฉรองจากเตียนอุย ในตำแหน่งโตวอ่วย (ผู้รักษาพระนคร)
ต่อมาในศึกเมืองอ้วนเสียเมื่อโจโฉรบกับเตียวซิ่ว ด้วยการวางแผนของกุนซืออัจฉริยะปีศาจอย่างกาเซี่ยง ทำให้โจโฉต้องกลอุบายจนต้องหนีตาย ยังดีที่ได้เตียนอุยระวังหลังให้ แต่เตียนอุยก็ต้องพลีชีพในศึกนั้น ทำให้เคาทูรับตำแหน่งเป็นองรักษ์ให้โจโฉแต่ผู้เดียว
ภายหลังเมื่อโจโฉนำทัพออกศึกปะทะกับลิโป้ เคาทูได้ออกศึกแนวหน้าอย่างห้าวหาญ รวมไปถึงการศึกกับเตียวซิ่วอีกครั้ง ซึ่งหนนี้เป็นฝ่ายชนะ เขาสามารถสังหารข้าศึกได้มากมาย จึงได้ถูกเลื่อนยศเป็นก้าอ่วย นายทหารสังกัดแม่ทัพดูแลพระราชวัง
ปีค.ศ.200 การศึกกัวต๋อได้อุบัติขึ้น ระหว่างโจโฉกับอ้วนเสี้ยว เคาทูได้สร้างผลงานในแนวหน้าไว้มาก เมื่อชนะศึก เขาก็ได้รับยศเป็นกวนไล่โฮ้ว
เคาทูยังออกติดตามทำศึกร่วมกับโจโฉทั้งเหนือจรดใต้ ในศึกเซ็กเพ๊ก ศึกหับป๋า เขาเป็นนายทหารที่ร่วมศึกกับโจโฉแทบจะมากครั้งที่สุดในบรรดาขุนพลของโจโฉ ต่อมาเมื่อปีค.ศ.213 ที่ด่านตงก่วน ม้าเฉียวได้ลุกฮือและนำทัพเข้าประชิดเมืองเตียงอัน เพื่อแก้แค้นให้ม้าเท้งพ่อของตนที่ถูกโจโฉประหาร ม้าเฉียวตีจงฮิวที่ยกทัพออกศึกจนแตก และตีโจหองที่ด่านตงก่วนจนพ่ายแพ้และต้องหนีตาย โจโฉจำต้องยกทัพมาสู้ศึกด้วยตนเอง
ในการศึกครั้งนี้เคาทูได้ประกาศชื่อเสียงจนดังกึกก้อง เมื่อครั้งแรกที่ออกศึกนั้นโจโฉพลาดท่าเสียทีต้องหนีตายต่อม้าเฉียว ดีที่เคาทูช่วยพาโจโฉขึ้นเรือหนีและยืนขวางหน้าเรือด้วยการใช้มือปัดลูกธนูทิ้ง จากนั้นก็ออกศึกดวลกับม้าเฉียวซึ่งถูกยกย่องว่าเทียบเคียงลิโป้ในวัยหนุ่ม ทั้งสองต่อสู้กันเป็นเวลานาน เคาทูนั้นถึงกับบ้าเลือดถอดเกราะตนเองออก ด้วยบอกว่าร้อน แล้วเข้าลุยกับม้าเฉียวอย่างเมามัน จนเคาทูทำอาวุธหลุดมือ ม้าเฉียวได้โอกาสแทงอาวุธใส่ แต่เคาทูหลบได้และยึดจับทวนเอาไว้ จนกระทั่งทวนหักสะบั้นคามือของทั้งสอง โจโฉเห็นดังนั้นจึงตีกลองให้เลิกสู้แล้วสั่งกองทัพเข้าประจัน จากนั้นจึงเลิกทัพกันไป
ในการศึกที่ตงกวนนี้สรุปง่ายๆว่าด้วยอุบายศึกง่ายๆของโจโฉแต่ได้ผลชะงัก ทำให้รบชนะม้าเฉียวลงได้
จากนั้นเคาทูก็แทบไม่ได้ออกศึกที่ใดอีก ชีวิตของเขาที่เหลือหมดไปกับการเป็นองครักษ์คอยพิทักษ์อยู่ข้างๆกายโจโฉ เรียกว่านี่คือคนที่อยู่ใกล้ชิดกับโจโฉมากที่สุด ยิ่งกว่าคนในครอบครัวโจโฉซะอีก
เคาทูนอกจากขึ้นชื่อเรื่องความเก่งกาจ พละกำลังมหาศาลแล้ว ยังขึ้นชื่อในเรื่องความซื่อสัตย์ภักดีอย่างยิ่ง ครั้งหนึ่งโจโฉดื่มสุราจนเมาหลับไปที่ห้องนอน เคาทูมายืนเฝ้าหน้าห้องตามปกติ เผอิญว่าโจหยินนั้นถูกเรียกตัวให้มาพบเพื่อประชุมทางทหาร เมื่อโจหยินมาถึงจะขอเข้าพบโจโฉ แต่เคาทูไม่ยอม โจหยินโกรธจึงว่าโจโฉเป็นคนเรียกตนมาและตนก็เป็นญาติสนิท ทำไมจะเข้าไม่ได้ เคาทูจึงว่าท่านอุปราชกำลังเมาหลับไม่ได้สติ ไม่อยู่ในสภาพที่จะป้องกันตัวเองได้ แม้ท่านแม่ทัพจะเป็นญาติสนิทแค่ไหน แต่ข้าก็ไม่อาจให้เข้าพบได้ ดังนั้นโจหยินเลยต้องนั่งรออยู่ด้านนอก ซึ่งจะว่าไปเคาทูกับโจหยินก็มีความสนิทสนมกันในระดับหนึงเพราะร่วมออกศึกด้วยกันมา แต่เคาทูก็ไม่ยอม ถือว่าหน้าที่สำคัญที่สุด เมื่อโจโฉตื่นขึ้นและรู้เรื่องทั้งหมด ก็ยกย่องเคาทูยิ่งนักที่ทำหน้าที่ไม่บกพร่อง
ความภักดีของเขาเป็นที่เลื่องลือ เขารับใช้โจโฉอยู่ใกล้ชิดทุกวันแต่ก็ไม่เคยถืออำนาจ ข่มเหงใคร เมื่อโจโฉตายลง ได้เกิดการแก่งแย่งชิงอำนาจในราชสำนัก แต่เขาไม่นำพาและถอนตัวจากการชิงอำนาจ และนอนตายอยู่ที่บ้านอย่างสงบ
ภายหลังเคาหงีบุตรชายของเขาได้รับราชการในสมัยของโจยอย และเป็นนายพลที่เก่งกล้าคนหนึ่ง ไม่ทำให้ชื่อของเคาทูต้องมัวหมอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น