วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2555

ประวัติสามก๊ก จิวท่าย อิ้วผิง

ประวัติสามก๊ก จิวท่าย อิ้วผิง

จิวท่าย หรือโจวต้าย ชื่อรองอิ้วผิง เกิดปี ค.ศ.163 เป็น ชาวเมืองเมืองจิ่วเจียง มณฑลอันฮุย ประวัติวัยเด็กไม่แน่ชัด มีบันทึกที่แน่ชัดว่าในสมัยวัยรุ่นเขาเป็นคนที่มีความเก่งกล้าในเชิงอาวุธ และเข้าร่วมกับกลุ่มโจรสลัดที่ออกอาละวาดอยู่ในฝั่งแม่น้ำแยงซี ดินแดนแถบกังแฮ


บุคลิกและนิสัยของจิวท่ายเท่าที่มีบันทึกไว้ในนิยายสามก๊กหรือในประวัติศาสตร์นั้นพูดถึงว่าเป็นคนจริงจัง เข้มแข็ง รักความเที่ยงธรรม ทั้งยังกล้าหาญ ไม่กลัวตาย แต่ก็ไม่ใช่คนบ้าบิ่น กลับเป็นผู้ที่มีสติและปัญญาสูงเยี่ยมคนหนึ่ง ในช่วงที่เขาเป็นโจรสลัดนั้นได้คบหากับสหายเจียวขิม ร่วมกันก่อนตั้งกลุ่มโจรสลัดของตนเองขึ้นมา และสร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว

ในช่วงที่จิวท่ายตั้งกลุ่มโจรสลัดออกอาละวาดนั้น เป็นช่วงทีแผ่นดินกำลังลุกเป็นไฟ จากการลุกฮือของพวกโจรผ้าเหลือง ทางดินแดนกังหนำนั้นก็ประสบภัยนี้แต่ไม่มากเท่าบริเวณตงง้วน ซึ่งหลังจากนั้นหลายปี กังหนำก็ได้ประสบกับปัญหาและการแตกแยกกัน เนื่องจากการล่มสลายของตระกลซุน เหตุเพราะซุนเกี๋ยนผู้นำตระกูลได้ถูกสังหารในการศึกกับหองจอ ทำให้ตระกูลซุนครองอิทธิพลในดินแดนแถบนี้และเป็นที่รักใคร่ของผู้คนนั้นแทบล่มสลายไป ดินแดนกังหนำนั้นตกไปอยู่ในอิทธิพลของกองกำลังหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเล่าอิ้ว เงียมแปะฮอ หรืออ่องหลอง

กระทั่งปีค.ศ.194 ซุนเซ็ก ทายาทของซุนเกี๋ยนซึ่งก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลซุน ได้ขอกองทัพของตนคืนมาจากอ้วนสุดจำนวนหนึ่ง และได้ทำการแผ่ขยายอิทธิพลเข้ามาในดินแดนกังหนำ โดยมุ่งเป้าหมายที่การปราบปรามเล่าอิ้ว เงียมแปะฮอ

จิวท่ายกับเจียวขิมนั้นได้ยินกิตติศัพท์ความเก่งกล้าของซุนเซ็ก และยังศรัทธาในความเที่ยงธรรมของซุนเกี๋ยน ทั้งสองจึงนำกลุ่มโจรสลัดของตนไปสวามิภักดิ์เข้ากับซุนเซ็ก

จิวท่ายนั้นมีบุคลิกและลักษณะนิสัยเป็นที่ถูกใจของซุนเซ็กมาก เขาได้รับอนุญาตให้มีกองทหารในสังกัดของตนเองได้ ซึ่งก็มาจากกลุ่มโจรสลัดที่ติดตามจิวท่ายมานั่นเอง เมื่อกองทัพของซุนเซ็กเริ่มแผ่ขยายอิทธิพลเข้าแดนกังหนำเรื่อยๆ ซุนกวนผู้เป็นน้องชายได้ขอซุนเซ็ก ให้จิวท่ายมาอยู่ในสังกัดของตนเอง

จิวท่ายรับหน้าที่นายกองทหารองครักษ์ คอยทำหน้าที่คุ้มครองและเป็นหน่วยทหารที่ขึ้นตรงต่อซุนกวนอีกทอดหนึ่ง จนเมื่อซุนเซ็กกำลังทำศึกรุกเข้าตีเงียมแปะฮอและปราบกบฏเผ่าซานเย่นั้น ซุนกวนก็ได้รับหน้าที่ให้ป้องกันเมืองซวนโดยมีทหารอยู่ไม่ถึงพันนาย เนื่องจากซุนกวนอายุยังน้อยและมีความประมาทจึงไม่ได้จัดเตรียมทหารป้องกันเมืองให้ดีนัก เป็นโอกาสให้เผ่าซานเย่ส่วนหนึ่งยกกองทัพเข้าโจมตี ซุนกวนพยายามป้องกันเมือง แต่กองทัพของเขาไม่อาจป้องกันเมืองได้และต้องหนีพ่ายไป

มีบันทึกว่า ซุนกวนได้ควบม้าหนีตายจากการตามล่าของพวกซานเย่ และกำลังถูกล้อมไว้ ในตอนนั้นจิวท่ายได้เสี่ยงชีวิตเข้าช่วยอารักขาซุนกวนจนสุดกำลัง จนร่างกายต้องโดนอาวุธที่เล็งโจมตีซุนกวนหลายครั้ง แต่จิวท่ายก็ยังตะโกนเรียกขวัญกำลังใจให้ทหารคนอื่นมีกำลังใจต่อสู้กับข้าศึก กระทั่งเมื่อข้าศึกคลายวงล้อมและแยกย้ายหลบไปเพราะกำลังหนุนมาถึง ซุนกวนก็พบว่าจิวท่ายมีบาดแผลสาหัสทั่วร่างถึงสิบสองแผล และต้องใช้เวลารักษานานกว่าจะหายขาด เหตุการณ์และวีรกรรมนี้สร้างความตื้นตันให้แก่ซุนกวนในความภักดีและห้าวหาญของจิวท่ายมาก

วีรกรรมครั้งนี้ของจิวท่ายถูกใจซุนเซ็กยิ่งนัก จึงแต่งตั้งจิวท่ายให้เป็นแม่ทัพรักษาเมืองซุ่นจิว ภายหลังยังได้รับหน้าที่ให้ดูแลเมืองยี่ซุนเพิ่ม จากนั้นจิวท่ายก็ติดตามซุนเซ็กเข้าโจมตีกังแฮ และยังไปถึงในการโจมตีหองจอซึ่งจิวท่ายสร้างผลงานในครั้งนี้ไว้มาก นั่นทำให้เขากลายเป็นแม่ทัพคนสำคัญของทัพง่อในทันใด

หลังจากซุนเซ็กสิ้นชีพลงในปี ค.ศ. 200 ซุนกวนรับสืบอำนาจต่อจากพี่ชาย จิวท่ายก็ยังคงรับใช้ซุนกวนอย่างดีมาตลอด และซุนกวนก็ให้ความไว้วางใจจิวท่ายอย่างมากด้วย

ปี ค.ศ. 208 โจโฉยกทัพนับแสนบุกลงใต้ สร้างความพรั่นพรึงแก่ชาวกังหนำ แต่ซุนกวนตัดสินใจออกต้านศึก ให้จิวยี่เป็นผู้บัญชาการใหญ่ เกิดเป็นการศึกที่เซ็กเพ็ก จิวท่ายได้เข้าร่วมในฐานะแม่ทัพคนสำคัญ สร้างผลงานไว้ไม่น้อย

ภายหลังศึกเซ็กเพ็ก กองทัพใหญ่ของโจโฉถอยร่นกลับสู่ภาคกลาง แต่ทิ้งให้โจหยินประจำการอยู่ที่เกงจิ๋ว เพื่อรับศึก ฝ่ายจิวท่ายนั้นรับหน้าที่เป็นแม่ทัพประจำการที่เมืองยี่สู แต่มีเกร็ดเล่าว่าแม่ทัพสำคัญอื่นๆไม่พอใจที่จิวท่ายได้ตำแหน่งที่สูงมาก โดยเฉพาะ จูเหียน ชีเซ่ง ดังนั้นในระหว่างงานเลี้ยงใหญ่ ซุนกวนจึงสั่งให้จิวท่ายถอดเสื้อออกเพื่อแสดงรอยแผลที่ปรากฏบนร่างกาย สร้างความเลื่อมใสและนับถือแก่บรรดาแม่ทัพทั้งหลาย และยอมรับในตัวของจิวท่ายจนหมดใจ

เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างซุนกวนและจิวท่ายนั้น เล่ากันว่าซุนกวนไว้วางใจและรักใคร่ในตัวจิวท่ายอย่างมาก แต่จิวท่ายก็ไม่ได้มีการแสดงออกว่าหลงลำพองตนอย่างใด อาจเพราะเขามีบุคลิกนิสัยเป็นคนจริงจังและไม่นิยมพูดมากเท่าใดนัก

ปีค.ศ.219 หลังจากซุนกวนเข้าแทรกแซงในการศึกระหว่างกวนอูและโจหยิน ทำให้สามารถจับตัวกวนอูและประหาร พร้อมทั้งยึดครองดินแดนเกงจิ๋วเดิมจของจ๊กก๊กได้ทั้งหมดนั้น ซุนกวนก็คิดการที่จะบุกจ๊กก๊กต่อ จึงตั้งจิวท่ายให้เป็นเจ้าเมืองฮันต๋งล่วงหน้าและเลื่อนตำแหน่งเป็นแม่ทัพผู้สร้างความกล้าหาญ และยังมอบตำแหน่งพระยาแห่งหลิงหยางให้แก่จิวท่าย

แต่บรรดาที่ปรึกษาของซุนกวนคัดค้านว่าควรจะส่งศีรษะของกวนอูไปให้ทางโจโฉ เพื่อเป็นการโบ้ยความผิดในการประหารกวนอูไปให้โจโฉแทน ซุนกวนเห็นชอบด้วย แต่โจโฉก็แก้ทางด้วยการจัดงานศพและสั่งการให้เคารพกวนอูไปทั่ว ฝ่ายเล่าปี่นั้นรู้ดีว่านี่เป็นความพยายามที่จะปัดเรื่องการประหารกวนอูออกไปของซุนกวนก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้น จนในที่สุด ปีค.ศ.221 เล่าปี่ก็ยกกองทัพหลายแสนบุกโจมตีง่อก๊ก กลายเป็นการศึกที่อิเหลง

ซุนกวนตั้งให้ลกซุนเป็นแม่ทัพใหญ่ออกรับมือและสามารถเอาชัยชนะเหนือเล่าปี่ได้อย่างงดงาม โดยมีจิวท่ายเปนแม่ทัพที่เข้าร่วมในศึกนี้ด้วย หลังจากนั้นจิวท่ายยังคงรับใช้อยู่ข้างกายซุนกวนอย่างดี จนกระทั่งเสียชีวิตลงด้วยโรคภัยในปี คศ. 228 แต่บันทึกบางฉบับก็บอกว่าจิวท่ายเสียชีวิตลงหลังจากศึกอิเหลง 1 ปี

ในบรรดาขุนพลของง่อก๊ก จิวท่ายได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดองครักษ์ผู้ภักดี ประเภท พูดน้อยต่อยหนัก มีฝีมือเข้มแข็ง ซุนกวนนั้นรักและยกย่องในตัวจิวท่ายมากเป็นอันดับต้นๆในบรรดาขุนพลของเขา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น